ไม่มีโกง!‘พุทธิพงษ์’แจงปม สตง.บี้ กทม. ใช้ค่าสินไหมคดีจ้าง บ.ติดป้ายพีอาร์-ปัดเอี่ยว
‘พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์’ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. แจงปม สตง. ไล่บี้ กทม. สอบปมไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายติดป้ายพีอาร์ ‘กรุงทพฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว’ 12 ล. หลังแพ้คดีเอกชน ยันเป็นแค่ 1 ใน 20-30 โครงการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ติดขัดแค่ขั้นตอนเอกสาร ทำเบิกจ่ายไม่ได้ ลั่นไม่มีทุจริต ปัดเอี่ยว เหตุเป็นฝ่ายนโยบาย
จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สอบสวนข้อเท็จจริงหาตัวเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทน จากกรณีการไม่สอบสวนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ว่าจะต้องชดใช้ค่าสินไหมแทนหรือไม่ หลังจาก กทม. แพ้คดีที่ถูกบริษัทเอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย กรณีไม่จ่ายเงินค่าจ้างติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ‘กรุงเทพฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว’ เมื่อปี 2549-2551 รวมมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาทนั้น
(อ่านประกอบ : เปิดพฤติการณ์ 'อภิรักษ์-พุทธิพงษ์' คดีจ้างติดป้ายพีอาร์- สตง.บี้ กทม.หาผู้ชดใช้เงินแทน12ล., สตง.บี้กทม.หาผู้ชดใช้ค่าสินไหมแทน ‘อภิรักษ์-พุทธิพงษ์’ 12ล.คดีจ้างบ. ติดป้ายพีอาร์)
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2560 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า เรียนตามตรงยังไม่เห็นหนังสือของ สตง. ว่าให้ กทม. ดำเนินการอย่างไร และมีความประสงค์ให้ทำอย่างไร ไม่ทราบจริง ๆ แต่ที่สำนักข่าวอิศรานำมาลง เป็นเรื่องที่ผ่านมานานกว่าสิบปีแล้ว เมื่อเห็นจึงทบทวนความจำ และสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น พบว่าอาจมีการสื่อสารกันผิด เนื่องจากโครงการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ เป็นเพียงหนึ่งใน 20-30 โครงการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหาร กทม. ในช่วงนั้นที่แบ่งเป็น 4 มิติ เพื่อให้ กทม. มีคุณภาพชีวิตทัดเทียมนานาประเทศ โดยมีทั้งแผนพัฒนาอาชีพ แผนส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว นายอภิรักษ์ และตนได้เรียกประชุมหัวหน้าสำนักต่าง ๆ ใน กทม. เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินแผนยุทธศาสตร์การบริหาร กทม. ดังกล่าว โดยมอบหมายให้หัวหน้าสำนักต่าง ๆ ดำเนินการตามแผน ซึ่งการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ก็เป็นหนึ่งใน 20-30 โครงการที่ทำไว้ และเมื่อมอบหมายลงไปแล้ว เป็นหน้าที่ของหัวหน้าสำนักที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตนจำไม่ได้ว่าสำนักใดเป็นคนรับผิดชอบ หลังจากนั้นสำนักดังกล่าวจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง หรือบริหารงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหาร กทม. โดยในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างจะไม่ได้รายงานขึ้นมาให้ตน และนายอภิรักษ์ ทราบอีก เนื่องจากเป็นฝ่ายนโยบาย และทุกโครงการที่ดำเนินการ ปฏิบัติตามระเบียบของ กทม. และระเบียบการเบิกจ่ายของ สตง. ทุกประการ เห็นได้ว่า ทุกโครงการไม่มีปัญหาเลย มีแต่โครงการนี้เท่านั้น
“เท่าที่ทราบตามระเบียบ เมื่อฝ่ายนโยบายมอบหมายงานไปแล้ว ฝ่ายปฏิบัติคือสำนักต่าง ๆ ต้องไปบริหารจัดการตามงบประมาณที่ระบุไว้ตอนขอ ซึ่งโครงการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ วงเงินหลักสิบล้านบาท ตามระเบียบไม่ต้องนำเสนอขึ้นมาถึงระดับรองผู้ว่าฯ หรือผู้ว่าฯ กทม. แต่อาจถึงแค่ชั้นรองปลัด หรือปลัด กทม. เท่านั้น” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถ้าจำไม่ผิด สำนักที่รับผิดชอบมีการเซ็นอนุมัติในขั้นตอนทางเอกสารไม่ครบ ขาดเอกสารหรืออะไรบางอย่างไป ทำให้ติดขัด และไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ กระทั่งมีปัญหา และบริษัทเอกชนฟ้องร้อง โดยการฟ้องร้องเกิดขึ้นเมื่อตน และนายอภิรักษ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว
“เราทำไปเป็นสิบ ๆ โครงการ ไม่เกิดปัญหา แต่พอมีปัญหานี้เราไม่ทราบรายละเอียดจริง ๆ ว่า ติดขัดตรงไหน ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณทำไม่ได้ เราเป็นฝ่ายให้นโยบายไป และเรียกหัวหน้าสำนักไปวางแผนตามแผนยุทธศาสตร์การบริหาร กทม. เท่านั้น” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในหนังสือ สตง. มีการระบุถึงหนังสือที่ลงนามโดยนายพุทธิพงษ์ ปฏิบัติราชการแทนนายอภิรักษ์ ถึงกรรมการผู้จัดการ Central World Office และผู้จัดการฝ่ายอาคารเมอร์คิวรี่ ขอติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าว เท่ากับแสดงให้เห็นว่า กทม. ว่าจ้างบริษัทจัดทำ และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์แล้วนั้น
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือภาคเอกชนในการทำตามแผนยุทธศาสตร์การบริหาร กทม. หรือขอเรียกว่าเป็น ‘ร่มใหญ่’ ที่คลุมทุกแผนทั้งหมด โดยมีการเชิญทั้งผู้บริหารเดอะมอลล์ ผู้บริหารเซ็นทรัล และภาคเอกชนอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อขอความร่วมมือ เช่น ขอติดธง หรือขอติดป้าย โดยไม่ใช้เงิน หรือให้ห้างสรรพสินค้าช่วยคิดโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับแผนพัฒนา กทม. ซึ่งภาคเอกชนให้ความร่วมมืออย่างดี แต่กลับถูกกล่าวหาว่า เป็นหนังสือยืนยันให้เอกชนไปติดป้ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งตามข้อเท็จจริงในหนังสือฉบับนั้นมันไม่ใช่ อย่างไรก็ดีจะตรวจสอบดูว่า หนังสือฉบับดังกล่าวมีข้อความฉบับเต็มอย่างไรบ้าง
“เรื่องนี้ยืนยันเลยว่า ไม่มีประเด็นทุจริตเลย เห็นมีบางสื่อเขียนว่าอาจเป็นประเด็นฮั้ว หรือโกง ผมบอกได้เลยว่า ถ้าเอกชนรายดังกล่าวเป็นพรรคพวก หรือคนรู้จักของเราจริง ทำไมเขาถึงไม่ได้เงิน ถ้าเขาเป็นพวกเรา เขาก็ต้องได้เงินไปแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องไปฟ้องศาลหรืออะไรเลย แต่เรื่องนี้เกิดการติดขัดในขั้นตอนเอกสาร ทำให้เบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หาก กทม. เชิญให้ถ้อยคำเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ ยินดีหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ยินดี และพร้อมเสมอ เพราะเรื่องนี้ต้องการชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจ แต่ขณะนี้ กทม. ยังไม่ได้เชิญมา เชื่อว่าคงดำเนินการตามขั้นตอน แต่ไม่ทราบว่า ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วหรือไม่
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพุทธิพงษ์ จาก ไทยรัฐออนไลน์