นิด้าโพลเผย แรงงาน 50% อยากให้รัฐเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำสอดรับค่าครองชีพที่สูง
นิด้าโพล เผย แรงงานไทยครึ่งหนึ่งเรียกร้องให้รัฐเร่งพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำใหม่ แก้ปัญหาว่างงาน ลดค่าครองชีพ จัดหาที่ดินทำกินให้ผู้ไม่มีอาชีพ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (isranews.org ) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2560 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจ เรื่อง “คุณภาพชีวิตแรงงานไทย” เกี่ยวกับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของการทำงานในด้านต่าง ๆ และสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย พบว่า ผู้ใช้แรงงานมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตการทำงานเท่ากับ 7.41 (พอใจค่อนข้างมาก) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านโดยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยความพึงพอใจจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านเพื่อนร่วมงาน หรือ เพื่อนร่วมอาชีพ มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.88 (พอใจค่อนข้างมาก) รองลงมา คือ ด้านลักษณะงานที่ทำ ตรงกับความต้องการ มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.73 (พอใจค่อนข้างมาก)
ด้านสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ (สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ) มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.53 (พอใจค่อนข้างมาก) ด้านผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน (หรือผู้มารับบริการ กรณีทำอาชีพอิสระรับจ้าง) มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.40 (พอใจค่อนข้างมาก) ด้านความสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และชีวิตส่วนตัว มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.38 (พอใจค่อนข้างมาก) ด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ (เงินเดือน โบนัส ค่าล่วงเวลา สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ฯลฯ) มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 7.06 (พอใจค่อนข้างมาก) และด้านความมั่งคง โอกาส และความก้าวหน้าในอาชีพมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเท่ากับ 6.89 (พอใจค่อนข้างมาก)
นิด้าโพล ยังระบุอีกว่า สำหรับความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงานเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในภาพรวมของการทำงาน เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว พบว่า ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 34.08 ระบุว่า ดีขึ้น ขณะที่ร้อยละ 42.24 ระบุว่า เหมือนเดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง และร้อยละ 23.68 ระบุว่า แย่ลง
ด้านความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงานเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตแรงงานไทยในปัจจุบัน นิด้าโพลระบุว่า ภายหลังจากประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AC) ปี 2558 พบว่า ผู้ใช้แรงงาน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.04 ระบุว่า ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก รองลงมา ร้อยละ 28.40 ระบุว่า แรงงานไทย ถูกทดแทนด้วยแรงงานต่างด้าวในแถบอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 15.76 ระบุว่า แรงงานไทยไม่ได้รับการพัฒนา ขาดการเอาใจใส่ หรือให้ความสำคัญ ร้อยละ 8.80 ระบุว่า แรงงานไทย ได้รับการพัฒนาด้านภาษา ฝีมือ ทักษะต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
สำหรับการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในแถบภูมิภาคอาเซียน ร้อยละ 6.08 ระบุว่า แรงงานไทย มีโอกาสได้ไปทำงานในแถบประเทศอาเซียนมากขึ้น ร้อยละ 0.64 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ งานที่หายากมากขึ้น เนื่องจากการเข้ามาของแรงงานต่างด้าว และค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่สอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่า แรงงานไทยมีความมั่นคงและสวัสดิการที่ดีขึ้น และได้รับการกระตุ้นให้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และร้อยละ 1.28 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงานเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย พบว่า ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ร้อยละ 50.00 ระบุว่า ควรพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ รองลงมา ร้อยละ 42.08 ระบุว่า ควรหมั่นตรวจสอบ ควบคุม ดูแล บริษัท ผู้ประกอบการ นายจ้าง ไม่ให้เอารัดเอาเปรียบผู้ใช้แรงงาน หรือเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ ร้อยละ 39.52 ระบุว่า ควรปรับปรุงหรือแก้ไขข้อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สิทธิ สวัสดิการต่าง ๆ ที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์กับผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 34.24 ระบุว่า ควรส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านความรู้ ฝีมือ ให้กับแรงงานไทย ร้อยละ 32.64 ระบุว่า ควรเร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน ส่งเสริมการมีงานทำ การจัดหางาน การออกบูธประชาสัมพันธ์รับสมัครงาน ร้อยละ 26.24 ระบุว่า ควรเร่งแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ร้อยละ 1.20 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ลดค่าครองชีพ, เร่งจัดหาแหล่งที่ดินทำกินให้กับผู้ที่ไม่มีอาชีพ ควรมีการช่วยเหลือจากภาครัฐให้กับผู้ที่ปลดเกษียณหรือมีรายได้น้อย, และควรกระจายแรงงานไปยังภูมิภาคต่าง ๆ และร้อยละ 3.52 ไม่มี/ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.40 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตัวอย่างร้อยละ 25.52 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.16 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.76 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 14.16 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 63.12 เป็นเพศชาย ร้อยละ 36.56 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 0.32 เป็นเพศทางเลือก
ทั้งนี้การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 เมษายน 2560 จากประชาชนที่เป็นผู้ใช้แรงงาน ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคและระดับการศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0 และมีค่า ความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 1.4 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความพึงพอใจคุณภาพชีวิตการทำงานในด้านต่าง ๆ ระบุคะแนน 0 – 10 คะแนน โดยให้ 0 คะแนน หมายถึง ไม่มีความพึงพอใจเลย 10 คะแนนหมายถึง พึงพอใจมากที่สุด
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากhttp://voicelabour.org/