อัยการให้ ตร.ขอศาลออกหมายจับทายาท ‘กระทิงแดง’ประสาน ตปท.ล่าตัวมาสั่งฟ้อง
อสส. ไม่ให้ ‘วรยุทธ อยู่วิทยา’ ทายาท ‘กระทิงแดง’ เลื่อนสั่งฟ้องคดีขับรถประมาททำให้ ‘ด.ต.วิเชียร’ เสียชีวิตปี’55 สั่ง ตร. ขอศาลออกหมายจับ ประสานต่างประเทศล่าตัวมาส่งฟ้องให้ได้ก่อนคดีหมดอายุความปี’70 ลั่นถ้าปล่อยขาดอายุความ ถือเป็นความล้มเหลวกระบวนการยุติธรรมไทย
จากกรณีพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นัดเรียกตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ ‘บอส’ ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ‘กระทิงแดง’ ในคดีถูกกล่าวหาว่า ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผู้บังคับหมู่ปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 ในวันที่ 27 เม.ย. 2560 เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาล ซึ่งเป็นหมายเรียกครั้งสุดท้าย หากนายวรยุทธ ไม่ยอมมาตามหมายนัด อาจดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งทนายความของนายวรยุทธ ยังขอประสานเลื่อนไม่มาพบพนักงานอัยการ โดยอ้างว่า ติดภารกิจที่ต่างประเทศนั้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2560 เรือโทสมนึก กึกก้อง โฆษก อสส. พร้อมด้วยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส. และนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ แถลงข่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว
เรือโทสมนึก กล่าวว่า อัยการไม่อนุญาตให้นายวรยุทธ เลื่อนการส่งตัวฟ้องศาลในวันนี้ หลังส่งทนายความมายื่นคำร้อง โดยอ้างว่า ติดภารกิจทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยอัยการเห็นว่า นายวรยุทธ ส่งทนายความขอเลื่อนคดีด้วยลักษณะเดียวกันนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง มีเจตนาประวิงคดี และหลบหนี โดยจะให้เวลาเข้าพบอัยการถึง 16.00 น. วันนี้ หากไม่มา ในวันที่ 28 เม.ย. 2560 จะส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ศาลออกหมายจับ เพื่อติดตามตัวมาส่งฟ้องศาลให้ทันกำหนดอายุความ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่อัยการจะสั่งฟ้อง โดยจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570 และข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ อายุความหมดวันที่ 3 ก.ย. 2560 ส่วนข้อหาขับรถเกินกำหนด และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ขาดอายุความไปแล้ว ทั้งนี้หากนายวรยุทธเดินทางมาพบอัยการ หรือเจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาได้ จะส่งฟ้องศาลทันที เพราะเตรียมสำนวนคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีนายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรม โดยส่งหลักฐานเป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขอให้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น เรือโทสมนึก กล่าวว่า อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานเดิม อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยุติเรื่องการร้องขอความยุติธรรมของนายวรยุทธ
ขณะที่นายอำนาจ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดชัดเจนว่า หากมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ตัวมาดำเนินคดี และหากอยู่ต่างประเทศต้องดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสำนวน ต้องแจ้งพนักงานสอบสวนติดตามตัว โดยส่งคำขอไปศาลว่า ผู้ต้องหามีเจตนาหลบหนี ให้ขอศาลออกหมายจับ และเมื่อออกหมายจับแล้ว ต้องติดตามตัวให้ได้ก่อนคดีขาดอายุความ หากผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ตำรวจต้องสืบให้แน่ชัดว่า หนีอยู่ที่ใด และอยู่ในประเทศอังกฤษ ตามที่สื่อต่างประเทศรายงานหรือไม่ หากระบุที่อยู่ได้ชัดเจน พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมคำสั่งฟ้องของอัยการ ประกอบการพิจารณาอัตราโทษตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่ระบุโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป สามารถเข้าสู่กระบวนการนี้ได้ ยกเว้นความผิดทางการเมือง และทหารเท่านั้น
“ประเทศอังกฤษ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยอยู่แล้ว แต่จะพิจารณาเงื่อนไขอีกที เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พนักงานสอบสวนต้องส่งเรื่องนี้ให้อัยการสำนักงานต่างประเทศ ส่งเรื่องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หากเรื่องถึงประเทศอังกฤษ ฝั่งเขาจะมีการพิจารณาอีกทีว่า คดีนี้ขาดอายุความตามกฎหมายไทยหรือยัง และข้อหาที่เกิดต้องเป็นความผิดทางอาญาที่กำหนดในประเทศอังกฤษด้วย และจะพิจารณาหมายจับของไทย หากเข้าเงื่อนไข เขาจะออกหมายจับ และจับกุมทันที” นายอำนาจ กล่าว
นายอำนาจ กล่าวอีกว่า หากนายวรยุทธ ขอสัญชาติอังกฤษ จะทำให้เงื่อนไขการส่งตัวยากขึ้น แต่สามารถดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ หากนายวรยุทธ หลบหนีคดีจนขาดอายุความ กระบวนการตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ และหากไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาตามอายุความ ถือเป็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม เป็นบทเรียนที่ต้องแก้ไข
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.สอบอยู่คดี ตร.ไม่สั่งฟ้องทายาทกระทิงแดง ลั่นไม่ปล่อยหมดอายุความแน่
ทายาทกระทิงแดงขอสอบพยานเพิ่มทำคดีขับชน ตร.ตายช้า! อสส.เร่งส่งฟ้องศาล
ผ่านไป 4 ปี ยังไม่สั่งฟ้อง! อัยการ โยนตร.ดองคดีทายาทกระทิงแดง