สำนักเลขานายกฯแจงไล่‘ธาริต’ออกจากราชการเซ่นคดีรวยผิดปกติ-ยันให้ความเป็นธรรม
สำนักเลขาธิการนายกฯ แจงเหตุลงโทษไล่ 'ธาริต' ออกจากราชการ ทำตามความเห็นของ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลผิดรวยผิดปกติ 346 ล้าน เป็นไปตามกฏหมาย ป.ป.ช. ม.80 (4)
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงโทษไล่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเสษ (ดีเอสไอ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ออกจากราชการ ตามความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งสำนวนการไต่สวน และรายงานความเห็นกรณีชี้มูลความผิดนายธาริต ร่ำรวยผิดปกติกว่า 346 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดดำเนินการนั้น
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ชง ‘บิ๊กตู่’ไล่‘ธาริต’ออกราชการ! ถูกฟันรวยผิดปกติ-ไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2560 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการแล้ว ระบุว่า เรื่องนี้ดำเนินการตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายธาริต ร่ำรวยผิดปกติกว่า 346 ล้านบาท และดำเนินการตามมาตรา 80 (4) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) ที่กำหนดว่า หากมีมติแล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการสั่งลงโทษไล่ออก หรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
แต่เดิมนายธาริต เป็นอธิบดีดีเอสไอ ต่อมาถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่ง (ปัจจุบันคือ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี)
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ในช่วงปีที่ผ่านมา และตรวจสอบประเด็นดังกล่าว พร้อมกับหารือสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอด เพื่อให้เกิดความชัดเจน และเกิดความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา โดยหน่วยงานข้างต้นให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้อาจเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80 (4) แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฏหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมามติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมา (ดูเอกสารประกอบ)
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2560 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ภายหลัง ป.ป.ช. ส่งหนังสือดังกล่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการนั้น ฝ่ายเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ตอบกลับมาว่า ให้ส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแทน เนื่องจากแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้บังคับบัญชาทุกส่วนราชการทั้งหมด แต่ผู้บังคับบัญชาสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคือผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายธาริต สำนักงาน ป.ป.ช. จึงส่งหนังสือให้ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการไปยังผู้บังคับบัญชาของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง ล่าสุดเท่าที่ทราบข่าวคือ มีการไล่นายธาริต ออกจากราชการแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 80 ระบุว่า ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน ข้อเท็จจริงและมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีเป็นผู้ถูกกล่าวหาตามมาตรา 66 ให้ประธานกรรมการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
(2) ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาล ปกครองสูงสุด กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาตุลาการรัฐธรรมนูญ กรรมการตรวจเงิน แผ่นดิน รองประธานศาลฎีกา รองประธานศาลปกครองสูงสุด หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร รองอัยการสูงสุด หรือ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ให้ประธานกรรมการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณา พิพากษาคดีเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
(3) ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ให้ประธานกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลซึ่งมี เขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
(4) ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มิใช่บุคคลตาม (1) (2) และ (3)ให้ประธานกรรมการส่ง เรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดิน และให้ประธานกรรมการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาสั่งลงโทษ ไล่ออกหรือปลดออก โดยให้ถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
เว้นแต่กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการ ตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองตามกฎหมายว่า ด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง หรือข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ให้ประธานกรรมการแจ้งไปยังประธานคณะกรรมการตุลาการ ประธานคณะกรรมการ ตุลาการศาลปกครอง หรือประธานคณะกรรมการอัยการ แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่า ด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง หรือ กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
ขณะที่ มาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. นิยามคำว่า ‘เจ้าหน้าที่ของรัฐ’ หมายความว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมี ตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือบุคคลผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารท้องถิ่นและ สมาชิกสภาท้องถิ่นซึ่งมิใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ และให้ หมายความรวมถึงกรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ และบุคคลหรือคณะ บุคคลซึ่งใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางการปกครองของรัฐในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมาย ไม่ ว่าจะเป็นการจัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอื่นของรัฐ
สำหรับนายธาริต ถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2557 โดยหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งให้นายธาริต มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ขณะนั้น) มาปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกหน้าที่หนึ่งแทน
นอกจากนี้นายธาริตยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติกว่า 346 ล้านบาท เบื้องต้นอายัดทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 90 ล้านบาท และปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนขยายผลเพิ่มเติม โดยมีวงเงินที่อาจถูกอายัดทรัพย์สินอีกประมาณเกือบ 100 ล้านบาท
อ่านประกอบ :
ข้อมูลใหม่!ป.ป.ช.พบ‘ตำรวจ’ใกล้ชิด‘ธาริต’ถือทรัพย์สิน คดีรวยผิดปกติ-ฟ้องสู้แต่แพ้หมด
ป.ป.ช. ชี้มูล 'ธาริต เพ็งดิษฐ' ร่ำรวยผิดปกติ346 ล. ส่งอัยการฟ้องยึดทรัพย์
เส้นทางเงิน‘ธาริต’ก่อน ป.ป.ช.เชือดรวยผิดปกติ 346 ล.ให้นอมินีถือแทน
คลี่เงื่อนงำคำโต้แย้ง‘ธาริต’ทำไมไม่แจง ป.ป.ช.-รวยด้วยธุรกิจจริงหรือ?
ป.ป.ช.สอบซ้ำ‘ธาริต’รวยผิดปกติ พบมีทรัพย์สินถูกถ่ายเท-เคยถูกชงยึด 346 ล.
'น้องเมียธาริต'ปัดแจงปมบริษัทพันคดีรวยผิดปกติ-อ้างไม่ได้ยุ่งนานแล้ว
ยลโฉมที่ดิน-บ้านปากช่อง‘ธาริต’! ถูก ป.ป.ช.ฟันรวยผิดปกติ-ส่งฟ้องยึดทรัพย์
ตามไปดู! บ.เมียธาริต บ้านเดี่ยว 2 ชั้น-ขายให้คนใต้ ไร้คนอยู่ตั้งแต่การเมืองร้อน
ลุยพิสูจน์ บ.อสังหาฯ'หลานธาริต'ที่แท้!โกดัง-เจ้าของขายวัสดุก่อสร้าง
เจาะรายได้ 4 ปี 2.7 ล.‘บ.เมียธาริต’เอาเงินจากไหนไปซื้อทอง 9.2 แสน
บ.เมียธาริต ถอนเงินซื้อทอง 9.2 แสนพันคดีรวยผิดปกติ-เลิกกิจการปี’56
ชีวิตเปลี่ยนสี 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' จากสูงสุดสู่โดนยึดทรัพย์ 346 ล.
เจาะไส้ใน! บ.อสังหาฯ‘หลานธาริต’ไม่แจ้งงบการเงิน-ป.ป.ช.ฟันนอมินี