"หลั่นล้าอีโคโนมี" ไปกันใหญ่
พูดไปหลายครั้งแล้วว่า "หลั่นล้าอีโคโนมี" หรือ บรรดาธุรกิจการงานหรืออาชีพอันเกี่ยวกับความสนุก บันเทิง การท่องเที่ยว การเดินทาง ความสุข ความงาม สุขภาพ คืออนาคตของเศรษฐกิจไทย กลับจาก กรีก ไม่กี่วันนี้ ผมตระหนักขึ้นอีกว่า "เออ ไทยเรานี่ เป็นกระทั่งแหล่งท่องเที่ยวของกรีก" ด้วย น่าอัศจรรย์ เพราะประเทศนี้เขาทำมาหากินจากการกวาดเอาเงินนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นดินแดนที่คนทั้งโลกนิยมไปเที่ยว แต่ชาวกรีกเองกลับชอบบินมาพักผ่อนและท่องเที่ยวในไทย ที่สำคัญมาอยู่กันนานๆเสียด้วย หลายคนมาอยู่ปีละสามเดือน เล่ากันว่าพวกเขามาไทยนั้นนอกจากได้เที่ยวเปิดหูเปิดตาแล้ว ยังประหยัดกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศของตนในช่วงเวลาเดียวกันเสียอีก
วันนี้มีข่าวดีเพิ่มเติมอีกจากสภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลกว่า ปีนี้รายได้จากการเดินทางและท่องเที่ยวในไทยนั้น ขยับขึ้นสูงจนกลายเป็น 20 เปอร์เซนต์ของรายได้ประชาชาติ ซึ่งสูงกว่ารายได้จากภาคเกษตรกว่าสองเท่า เพราะเกษตรกรรมนั้น ด้วยความเคารพ ทำรายได้ให้เราเพียง 8 เปอร์เซนต์ของรายได้ประชาชาติ ผมขอเติมนะครับ และ โปรดสังเกตว่า ณ บัดนี้การท่องเที่ยวนำรายได้ให้ประเทศไม่ต่ำกว่าที่อุตสาหกรรมนำมากนักแล้ว ภาคอุตสาหกรรมนั้นทำรายได้ให้ประเทศมากกว่า 30 เปอร์เซนต์เล็กน้อย กล่าวได้ว่าขณะนี้รายได้หลักของประเทศเรามาจากการเดินทางท่องเที่ยวบวกอุตสาหกรรม
ผมเอาการท่องเที่ยววางไว้เป็นอันดับหนึ่ง ทำไม?
ก็เพราะว่าการเติบโตต่อปีของการท่องเที่ยวนี้ สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเสียอีก ประเมินว่าภายใน 10 ปีข้างหน้านี้การท่องเที่ยวจะโตเฉลี่ยเกือบ 7 เปอร์เซนต์ต่อปี ส่งผลให้ในปี 2570 เศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวจะมีขนาดหนึ่งในสาม หรือ 33.33 เปอร์เซนต์ ของเศรษฐกิจรวม ณ ตอนนั้น ผมเชื่อว่า "หลั่นล้าอีโคโนมี" ซึ่งมีการท่องเที่ยวเป็นหลัก ย่อมจะ "ใหญ่"กว่าอุตสาหกรรมเสียอีก ท่านที่กำลังทำ "ไทยแลนด์ 4.0" หรือ ทำ "เศรษฐกิจพอเพียง" ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องดี และสำคัญยิ่ง แต่พึงคิดถึงทิศทางและแนวโน้มที่ "หลั่นล้าอีโคโนมี" จะเป็นกระแสหลักของเศรษฐกิจ คำถามคือ จะสนธิกำลังของ " 4.0" และ "พอเพียง" เข้ากับ "หลั่นล้า" อย่างไร?
ทบทวนกันอีกที "หลั่นล้าอีโคโนมี" ไม่ได้แปลจากศัพท์ภาษาอังกฤษหรือเอามาจากทฤษฎีฝรั่งมากนัก ผมหมายถึงเศรษฐกิจที่อิงอยู่กับความ "หลั่นล้า" ของคนไทย หมายถึงธุรกิจ การงาน บริการ ที่คนไทยถนัดโดยธรรมชาติ เกี่ยวกับสันถวไมตรี การเดินทาง ท่องเที่ยว บันเทิง สนุกสนาน รื่นเริง ศิลปวัฒนธรรม การพักผ่อนหย่อนใจ และอะไรที่เกี่ยวกับความงาม ความอร่อย ความสบายใจ รวมถึงงานที่เกี่ยวกับเสริมสวย ยืดอายุ และสุขภาพ ก็ได้
ผมได้เรียกสิ่งเหล่านี้ตามวัยรุ่นไทยว่างานประเภท "หลั่นล้า" คนไทยเรานั้นกล่าวกันว่าชอบเรื่อง "หลั่นล้า" เป็นอุปนิสัย เป็นความถนัด เป็นธรรมชาติ แต่ในระยะหลังยังพบว่าเราสามารถเอาความ"หลั่นล้า" มาหารายได้ หางาน หรือหาธุรกิจ มาทำได้ กล่าวอีกอย่างหนึ่ง "หลั่นล้า" คือ คิด อยู่ และทำอะไรสบายๆ ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสสุภาพ มารยาทดี รื่นเริง ทุกข์ยาก สุขง่าย สนุกสนาน ไม่เครียด ไม่ชอบขัดแย้ง นิสัยกันเอง คบมิตรและคนแปลกหน้าง่าย อนาทร เอ็นดู และรักชอบคนต่างแดนได้ง่าย ผมเห็นจริงจังว่าในทางยุทธศาสตร์ ยิ่งยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้วย ควรจะเอาความ "หลั่นล้า" ของคนไทยมาทำให้เป็นอาชีพ หรือ การงานหลักของประเทศ เอา "หลั่นล้าอีโคโนมี" ทำให้เป็นเศรษฐกิจหลักของเรา แล้วไทยจะเดินหน้าได้อีกไกล
"หลั่นล้าอีโคโนมี" นั้น ขอย้ำอีกที ยังหมายถึงวิชาชีพ การงาน และ ธุรกิจอื่นๆ นอกจากการท่องเที่ยวด้วย ครับ ซึ่งเชื่อว่ามันจะขยายตัวมากมาย ยังมีอีกหลายประเภท อาทิ คลินิก โรงพยาบาล สถานสัตวบาล ทันตสถาน สถานตากอากาศ สถานพักฟื้นหย่อนใจ และรักษาดูแลผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงวัย สถานเสริมสวย สถานผ่าตัด แปลงเพศ ธุรกิจเครื่องสำอางค์ แฟชั่น กราฟฟิก ดนตรี เพลง กีฬา สมุนไพร แพทย์แผนตะวันออก นวด กายภาพบำบัด นันทนาการ อาหารอร่อย ร้านอาหาร การเป็นกุ๊กหรือเชฟ การทำภาพยนตร์ การเป็นนักบิน สจ๊วต พนักงานต้อนรับ ตลอดจนถึงการงานและบริการที่รวมไปถึงศาสนา จิตวิญญาณ และความสงบสุขด้วย เหล่านี้ แลล้วนเป็นอะไรที่คนไทยส่วนใหญ่มีพรสวรรค์ ซาบซึ้งและฝึกฝน หรือ เรียนรู้ได้โดยง่าย
ก่อนนี้ข้อเสนอเรื่อง "หลั่นล้า" อาจฟังเป็นเรื่องน่าขำ น่าสงสัย เพราะไม่เคยเห็นที่ไหนในโลกที่จะเจริญรุ่งเรืองได้โดยไม่มีอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก หรือ อุตสาหกรรมไฮเทค เป็นหลัก แต่ สำหรับบางท่าน มันอาจน่าสนใจ สะกิดใจ และน่าคิดตาม ก็ด้วยสีสรรของข้อเสนอบ้าง ด้วยเหตุด้วยผลหรือตรรกบ้าง แต่ ณ บัดนี้ขอประกาศว่า ข้อมูลล่าสุดจากสภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลกดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น ดูจะยืนยันว่าข้อเสนอเรื่อง "หลั่นล้า" มีความเป็นจริงรองรับอยู่มากโข สมควรที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองพึงรับเอาไปทำ ไปสนับสนุน ให้มากขึ้น แนะนำว่างานใดเกี่ยวข้องหรือโยงใยไปถึงวัฒนธรรม ศิลปกรรม หัตถกรรม อารยธรรม โบราณคดี สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ ของชาติ ของภาค หรือของท้องถิ่น ควรจะมุ่งทำเพื่อเสริมสร้างให้ "หลั่นล้าอีโคโนมี" ของเราแข็งแกร่ง วัฒนา สถาพรด้วย
ถามว่า เพื่อจะให้ภาพชัดขึ้น เราจะเอาประเทศใดเป็นแบบเป็นตัวอย่างของ "หลั่นล้าอีโคโนมี" ตอบว่าอาจจะเป็นกรีก หรือ อาจเป็นสวิส ก็ได้ครับ ซึ่งทั้งสองประเทศนั้นล้วนมีการท่องเที่ยวเป็นเศรษฐกิจสำคัญ โดยของประเทศกรีกนั้นมีอุตสาหกรรม เป็นรอง และมีเกษตรกรรมอยู่ด้วย แม้จะดูอ่อนสักหน่อย ส่วนของสวิสนั้น มีทั้งสามส่วนคือการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ไฮเทคเสียด้วย และเกษตรกรรม ระดับโลกด้วย แต่ละอย่างล้วนสำคัญ และ ย้ำ ล้วนทำได้ดีหมด อันที่จริง ภาคการธนาคารและการเงินเขา ยังดีเสียด้วยครับ"หลั่นล้า" ของเราก็ดี "4.0" ของเราก็ดี และ "พอเพียง" ของเราด้วย ล้วนน่าจะต้องไปค้นคว้าและเรียนรู้จากสวิสให้มากขึ้น ครับ
หมายเหตุ : ภาพประกอบและเรื่องจาก Fb เพจ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatas