สั่งให้รื้อถอนยังฝ่าฝืน!สตง.บี้กทม.ฟันป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ผิดกม.242 จุด
ถึงคิว 'สตง.' ไล่บี้ 'กทม.' จัดการปัญหาป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ผิดกม. 242 จุด เผยไม่ได้รับอนุญาต แถมผิดแบบ เขตลาดกระบัง มีมากสุด สั่งให้รื้อถอน แต่ยังฝ่าฝืน ชี้เกิดความเสี่ยงชีวิตทรัพย์สินประชาชน หวั่นสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง โดยเฉพาะหากเกิดพายุฝนลมแรง

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบปัญหาความบกพร่องระบบป้องกันอัคคีภัยในโรงภาพยนตร์ รวมไปถึงกรณีอาคารส่วนใหญ่ไม่ยื่นรายงานตรวจสอบสภาพอาคาร ตามที่กฎหมายกำหนด โดยในส่วนของปัญหาระบบป้องกันอัคคีภัยในโรงภาพยนตร์ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด สตง.ระบุว่า ตามที่ กทม. โดยกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา ได้ดำเนินการตรวจสอบโรงภาพยนตร์ในพื้นที่ กทม. จำนวน 330 โรง ในอาคาร 44 แห่ง ระหว่างวันที่ 2 - 17 ส.ค.2559 ปรากฎว่า ระบบป้องกันอัคคีภัยในอาคารโรงภาพยนตร์ทั้ง 330 โรง ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบอาคาร อาทิ บานประตูโรงภาพยนต์เป็นวัสดุทำจากไม้ ป้ายบอกแนวทางเดิน ป้ายบอกทางหนีไฟ และป้ายห้ามสูบบุหรี่้ มองเห็นไม่ชัดเจน ไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ หรือมีลักษณะของป้ายที่ไม่เหมือนกัน
เบื้องต้น กทม. ได้ทำหนังสือด่วนแจ้งไปยังเจ้าของอาคารผู้ประกอบการโรงภาพยนต์ทั้ง 330 โรง ให้ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดระยะเวลาแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับจากวันแจ้ง หรือประมาณ วันที่ 17 ก.ย.2559
แต่จากการติดตามพบว่า การดำเนินการแก้ไขของเจ้าของอาคารผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ ณ วันที่ 12 ธ.ค.2559 พบว่า โรงภาพยนตร์ทั้ง 330 โรง ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จ โดยโรงภาพยนตร์จำนวน 89 โรง หรือคิดเป็นร้อยละ 26.97 ของโรงภาพยนตร์ทั้งหมด ได้ขอขยายเวลาแก้ไขเพิ่มเติม ขณะที่โรงภาพยนตร์อีกจำนวน 241 โรง หรือคิดเป็นร้อยละ 73.03 ของโรงภาพยนตร์ทั้งหมด ยังคงเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใด ๆ
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบยังพบว่า มีอาคารที่เข้าข่ายต้องยื่นรายงานการตรวจสอบสภาพอาคาร จำนวน 3,372 แห่ง จากอาคารทั้งหมด 7,683 แห่ง โดยมีอาคารที่ไม่ยื่นรายงานตรวจสอบจำนวน 2,765 แห่ง คิดเป็นจำนวนร้อยละ 82 ของอาคารที่เข้าข่าย ซึ่งสำนักการโยธาได้มีหนังสือแจ้งเตือนเจ้าของอาคารดังกล่าว ให้ดำเนินการจัดส่งรายงานตรวจสอบสภาพอาคารภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้หนังสือแจ้งเตือน
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามผลการดำเนินการของอาคารที่แจ้งเตือน พบว่า มีอาคารเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ จำนวน 2,561 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 90 .99 ของอาคารที่ไม่ยื่นรายงานตรวจสอบและได้มีหนังสือแจ้งเตือน ซึ่งข้อมูลอาคารที่เพิกเฉยดังกล่าว ยังไม่รวมอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและไม่ยื่นรายงานตรวจสอบตั้งแต่ปี 2555 - 2559 เนื่องจาก กทม. ยังไม่มีการจัดทำฐานข้อมูลตามที่สตง.ตรวจสอบ
(อ่านประกอบ : ระบบป้องกันอัคคีภัยโรงหนัง330แห่งมีปัญหา!สตง.จี้ผู้ว่าฯกทม.เคลียร์เอกชน)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ปัญหา ป้าย โฆษณาขนาดใหญ่ ที่ผิดกฎหมายไม่มีการรื้อถอนตามคำสั่ง เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่สตง.ตรวจสอบพบและแจ้งให้ผู้ว่าฯกทม.ควบคุมกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ สตง.ระบุว่า จากการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร กรณีป้าย ของกรุงเทพมหานคร พบว่า ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ผิดกฎหมายไม่มีการรื้อถอนตามคำสั่ง และยังมีการใช้ประโยชน์ โดยจากการตรวจสอบรายงานของสำนักงานเขตต่างๆ ซึ่งได้ตรวจสอบป้ายโฆษณาที่มีอยู่เดิมทั้งหมดและป้ายโฆษณาที่สร้างใหม่และส่งรายงานให้กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธาทราบเป็นรายเดือน พบว่า ณ วันที่ 31ธันวาคม 2558 ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวนทั้งสิ้น 1,067 ป้าย โดยมีป้ายที่ผิดกฎหมายจำนวน 242 ป้าย คิดเป็นร้อยละ 22.68 ของป้ายทั้งหมด ซึ่งจำแนกเป็นป้ายที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 212 ป้าย และก่อสร้างผิดแบบ จำนวน 30 ป้าย โดยสำนักงานเขตลาดกระบังมีป้ายผิดกฎหมาย มากที่สุด จำนวน 35 ป้าย โดยมีคำสั่งให้รื้อถอน จำนวน 31 ป้าย ที่ยังฝ่าฝืน ชี้เกิดความเสี่ยงที่อาจเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากสภาพและความมั่นคงแข็งแรงของป้ายโฆษณาดังกล่าวโดยเฉพาะหากเกิดพายุฝนลมแรง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่าปัจจุบัน ป้ายผิดกฎหมายที่มีคำสั่งให้รื้อถอนดังกล่าวยังคงมีการใช้ประโยชน์เพื่อการโฆษณา จำนวน 25 ป้าย คิดเป็นร้อยละ 80.65 ของป้ายที่มีคำสั่งให้รื้อถอน แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ

ทั้งนี้ สตง.ระบุว่าจากปัญหาที่ตรวจสอบพบทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า กทม. ไม่มีระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารงานบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร การบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารของกรุงเทพมหานครยังไม่มีระบบฐานข้อมูลในการบริหารงาน บังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบังคับใช้กฎหมาย
เบื้องต้น สตง. ได้ทำเรื่องถึงผู้ว่ากทม. ให้ศึกษาปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขกรณีป้ายโฆษณาที่ผิดกฎหมายไม่มีการรื้อถอน ตามคำสั่ง และยังมีการใช้ประโยชน์ โดยหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อกำหนดมาตรการและ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
