องค์กรสตรี จวกบริษัทเบียร์รายใหญ่ ใช้เรือนร่างผู้หญิงทำการตลาดสงกรานต์
องค์กรสตรี จวกบริษัทเบียร์รายใหญ่ ใช้เรือนร่างผู้หญิงทำการตลาดสงกรานต์ ผ่านแคมเปญออนไลน์เพจดัง ชี้ดูถูกศักดิ์ศรีผู้หญิง เข้าข่ายอนาจาร สวนกระแสสังคมและรัฐบาล ที่รณรงค์สร้างค่านิยมสงกรานต์ปลอดภัยรักษาประเพณีดีงาม พร้อมตั้งคำถามถึงจริยธรรมพ่อค้าน้ำเมา
วันที่ 13 เม.ย. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียล ซึ่งปรากฏแคมเปญโฆษณาแฝงธุรกิจเบียร์ผ่านเพจดัง "หนังฝังมุก"โดยนำเสนอเนื้อหาที่ใช้เรือนร่างผู้หญิงเพื่อเพิ่มยอดขายช่วงสงกรานต์ ซึ่งมีการกดไลน์กดแชร์จำนวนมาก ว่า การออกแคมเปญการตลาดออนไลน์ในลักษณะนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะใช้สรีระผู้หญิงมาโฆษณา เป็นการกดทับเพศแม่ หนำซ้ำดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงอย่างร้ายแรง เช่น ใช้อวัยวะบางส่วนของผู้หญิงไปสื่อสารว่า อันนี้เล็กอันนี้ใหญ่ ซึ่งไม่เคยเห็นธุรกิจไหนทำการตลาดอย่างไร้คุณธรรม ขาดจริยธรรม มีความคิดล้าหลัง สนับสนุนความคิดแบบชายเป็นใหญ่ เห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศขนาดนี้ ขณะเดียวกันผู้หญิงที่มาเที่ยวสงกรานต์ไม่ได้ต้องการให้ใครมาจ้องมองสรีระร่างกาย เขาไม่ได้อยากมาโชว์อย่างไรก็ตามธุรกิจน้ำเมามักจะใช้กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า เซ็กซี่มาร์เก็ตติ้งช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เกินเลย เกินขอบเขตอย่างนี้แทบทุกปี เช่น หลายปีก่อนก็เคยทำปฏิทินวาบหวิว และยังคงใช้แนวนี้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีหน่วยงานไหนจัดการเอาผิดได้เลย
“อยากตั้งคำถามกับบริษัทรายนี้ว่า ไม่มีวิธีอื่นหากินแล้วหรืออย่างไร ถึงต้องมาอาศัยผู้หญิงทำการตลาดลักษณะนี้ ซึ่งล่อแหลมนำไปสู่การกระตุ้นยั่วยุ คุกคามทางเพศ การใช้ความรุนแรงต่อกัน เป็นการดูถูกเรือนร่างผู้หญิง และส่งเสริมทำให้สังคมมองเป็นเรื่องปกติธรรมดา นอกจากนี้ในเนื้อหาดังกล่าวยังมีข้อความที่สังคมคงต้องช่วยกันตั้งคำถามถึงความเหมาะสม การทิ้งท้ายเชิญชวนร่วมงานอีเว้นท์ชวนเมา กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ นอกจากเพจดังกล่าวแล้ว ยังมีการทำแคมเปญออนไลน์ในลักษณะคล้ายกันไปยังอีกหลายเพจดัง เช่น youclip สื่อถึงการดื่ม สวนทางกับรัฐบาลและสังคมที่รณรงค์สงกรานต์ตามประเพณีดีงามของไทย ซึ่งทุกภาคส่วนพยายามลดการตาย การละเมิดทางเพศ แต่ธุรกิจน้ำเมา กลับเร่งส่งเสริมการขายซึ่งเท่ากับส่งเสริมการตาย และการลวนลามทางเพศ โดยเฉพาะในช่วงที่คนไทยทั้งชาติถวายความอาลัย แต่ธุรกิจนี้ไม่มีละเว้น เห็นแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลฯและกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)มัวทำอะไรอยู่ปล่อยให้มีสื่อออนไลน์ที่เข้าข่ายอนาจารออกมาอย่างนี้ได้อย่างไร” นายจะเด็จ กล่าว
ด้านนายพิริยะ ทองสอน ผู้อำนวยการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า แม้คนจะซื้อเหล้าเบียร์เอง เมาเอง สร้างผลร้ายเอง แต่ก็ขอเรียกร้องให้ธุรกิจน้ำเมาหากทำการโฆษณาเท่าไหร่ ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อเยียวยาเหยื่อจากการเมาทุกๆด้านมากเท่านั้น เพราะคือกลุ่มที่สนับสนุนให้เกิดความสูญเสียทั้งทางตรงและทางอ้อม สร้างคนพิการมานับหมื่นนับแสนคนแล้ว สุดท้ายกลายเป็นภาระของรัฐบาล ที่ต้องหาเงินมาดูแลประชาชน แต่กลุ่มธุรกิจนี้กลับรวยขึ้นทุกปีเท่าที่ทราบธุรกิจน้ำเมามีเงินมากมาย ที่เจียดไปทำCSR , ผูกมิตรกับหลายธุรกิจหรือหน่วยงานรัฐ จนอ่ออนแอในการควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกวันนี้ธุรกิจพวกนี้ สนับสนุนงานดนตรีพ่วงขายเหล้าเบียร์ หลีกเลี่ยงกฎหมายกันทั้งปี แม้ไม่ต้องโฆษณา คนไทยก็ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากอยู่แล้วแต่เมื่อเห็นโฆษณา การตลาดหลายๆกิจกรรม ก็เน้นความสนุกสนานจนไปถึงโฆษณาแนวท้าทาย หรือ เซ็กซี่ ส่งเสริมให้คนดื่มเหล้าเบียร์มากขึ้น
“ตอนนี้ไทยน่าจะเป็นชาติเดียวในโลกที่รัฐบาลตั้งหน่วยงานนับศพทางถนนเพราะคนเมาช่วงเทศกาลหยุดยาวรายวัน และมีคนตายเป็นอันดับ2ของโลก มากกว่าสิบปีแล้ว อีกทั้งยังไม่มีชาติไหนในโลกเป็นแบบนี้ในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งช่วงเทศกาลหยุดยาวนี้ การเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทางถนนจึงเพิ่มภาระให้โรงพยาบาลทั่วประเทศอย่างมาก” นายพิริยะ กล่าว