FTA Watch ซัด คสช.ใช้ ม.44ปล่อยผีสิทธิบัตรยา ผลักสังคมไทยสู่หายนะ?
ชีวิตของประชาชนกับการเข้าถึงการรักษา-เข้าถึงยาจำเป็นกำลังถูกรัฐบาลทหารเอาไปแลกกับผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมส่งออกที่เสพติดสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี) ที่มีไว้เพื่อให้ประเทศที่อุตสาหกรรมยังด้อยพัฒนา
รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งตรวจสอบประเทศไทยใน 3 เรื่อง คือ เรื่องการแทรกแซงค่าเงินบาท เรื่องการจัดซื้ออาวุธที่ซื้อจีน-รัสเซียมาก และ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งประเด็นค่าเงินบาทนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาชี้แจงอย่างแข็งขัน สำหรับเรื่องการจัดซื้ออาวุธไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลและฝ่ายกองทัพ
สำหรับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เหตุใดกระทรวงพาณิชย์ไม่ชี้แจงการดำเนินงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการปราบปราม แต่กลับแบะท่าพร้อมปล่อยผีสิทธิบัตร ในจำนวนคำขอที่ค้างเกิน 5 ปี กว่า 3,000 ฉบับเป็นสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับยา ซึ่งบริษัทยาข้ามชาติใช้แทคติกการยืดเวลาถ่วงการยื่นขอตรวจสอบไว้เกือบ 5 ปี เพื่อถ่วงเวลาการตรวจสอบไม่ให่ถูกปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรโดยเร็ว และยังฉวยโอกาสความอึมครึมที่ได้รับความคุ้มครองดังกล่าวนับตั้งแต่วันยื่นขอฯ ไปข่มขู่บริษัทยาชื่อสามัญต่างๆ ไม่ให้ผลิต
จากงานวิจัยฯพบว่า จากคำขอสิทธิบัตรทางยาซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นคำขอจากต่างประเทศ มีมากถึงร้อยละ 84 มีลักษณะของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการประดิษฐ์เพียงเล็กน้อยแล้วนำมายื่นขอรับสิทธิบัตรเป็นฉบับใหม่ เพื่อขยายเวลาของการคุ้มครองออกไป อาทิ
Metformin ซึ่งเป็นยาเก่าที่มีการใช้มานานกว่า 90 ปี มีคำขอรับสิทธิบัตรมากถึง 13 ฉบับ ทำให้ขยายอายุสิทธิบัตรยามากถึง 29 ปี
Sofosbuvir ยารักษาไวรัสตับอักเสบซีมีคำขอมากถึง 13 ฉบับ ซึ่งที่อินเดียและอียิปต์ปฏิเสธคำขอนี้ไปแล้ว หากได้ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 ช่วยปล่อยผี จะทำให้ขยายอายุสิทธิบัตรยามากถึง 31 ปี
การเร่งออกสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ทางยาจะส่งผลให้เกิดการผูกขาดตลาดยาและทำให้ยามีราคาแพงมาก ซึ่งย่อมก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่องบประมาณด้านสาธารณสุข สวนทางกับนโยบายการควบคุมงบประมาณด้านสาธารณสุขของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เอง ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมายที่แสดงให้เห็นว่ายาที่มีสิทธิบัตรมีราคาสูงกว่ายาชื่อสามัญมากถึง 3-10 เท่า ในบางรายการยามีราคาสูงกว่าถึง 25 เท่า เช่น ยา Clopidogrel เป็นต้น ดังนั้นแม้อาจจะมีมาตรการออกมาแก้ไขในภายหลังก็ย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หนำซ้ำยังจะเป็นการซ้ำเติมปัญหางบประมาณด้านสาธารณสุขที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันให้หนักขึ้นอีก
การเร่งออกสิทธิบัตรอาจส่งผลให้กลไกการตรวจสอบและคัดค้านคำขอฯ ที่ไม่มีคุณภาพไม่สามารถทำงานได้ นั่นหมายถึงการคัดค้านคำขอฯ ก่อนได้รับสิทธิบัตร ซึ่งในกระบวนการปัจจุบันก็มีปัญหาในการติดตามสืบค้นเพื่อยื่นคำคัดค้านให้ทันภายใน 90 วันนับจากวันประกาศโฆษณา จนมีผลทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ รัฐต้องสูญเสียงบประมาณและประชาชนไม่ได้รับการรักษาหรือเสียเงินจ่ายค่ายาเอง เพราะยามีสิทธิบัตรแบบที่ไม่สมควรจะได้และราคาแพงจนไม่สามารถรวมอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศได้ ตามข้อมูลมูลค่าความเสียหายที่ปรากฎอยู่ในงานวิจัยซึ่งเป็นผลมาจากการพิจารณาที่ไม่มีประสิทธิภาพพอ
การออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อเร่งออกสิทธิบัตรและการที่จะออกคำสั่งฯ เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขยาราคาแพงจากการเร่งออกสิทธิบัตร เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ขาดการมองในเชิงระบบ และเป็นการแก้ไขปัญหาหนึ่งแต่สร้างอีกปัญหาหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงกว่า
ดังนั้นองค์กรภาคประชาสังคมจึงขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติระงับการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาการออกสิทธิบัตรล่าช้าและให้มีการแยกคำขอสิทธิบัตรทางยากว่า 3,000 ฉบับออกมาจากกระบวนการดังกล่าว ซึ่งในวันที่ 11 เมษายน เวลา 10 นาฬิกาทางเอฟทีเอ ว็อทช์และเครือข่ายฯจะไปยื่นหนังสือที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง
มิเช่นนั้น คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริง หากจะชี้ไปว่า การออกมาตรา 44 ปล่อยผีสิทธิบัตรยาครั้งนี้ กำลังผลักสังคมไทยสู่หายนะ