รบ.ยังไม่รู้มีเลือกตั้งเมื่อไหร่! แต่การเมืองเปลี่ยนครั้งใหญ่แน่-คสช.ปัดอยู่ยาว
‘พล.อ.ประยุทธ์’ เผยหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน รธน.ใหม่ ระบุ รบ. ยังไม่รู้เลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่เริ่มนับหนึ่งโร้ดแม็พหลังจากนั้นไหลไปเรื่อย ๆ ชี้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ คสช. ปัดอยู่ยาว แต่จะแก้ไขปัญหาเดิม ๆ ที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่ประเทศไทย ว่า วันนี้เมื่อ 235 ปีที่แล้ว เป็นวันสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์ เริ่มต้นรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เราจึงเรียกว่าวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
วันเวลาได้ผ่านพ้นรัชสมัยของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ มาจนถึงรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตนจึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ปกเกล้าปกกระหม่อมชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุข และรักษาเอกราชอธิปไตย ยั่งยืนมาได้จนถึงทุกวันนี้
วันเดียวกันนี้ในปีนี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่แก่ประชาชนชาวไทยเรียบร้อยแล้วนับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ในประวัติการเมือง 85 ปีของไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติถึง 16 ล้านเสียงเศษ คิดเป็นร้อยละ 61.35 จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประมาณ 30 ล้านคน/ หรือร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด
ผลที่เกิดขึ้นจากการนี้คือ 1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557) ซึ่งใช้มาประมาณสองปีเศษเป็นอันสิ้นสุดลง
2. ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เช่นเดียวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง แม้แต่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
3.ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ สิทธิเสรีภาพของพี่น้องทั้งหลายจะมีเพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าหน้าที่ของชนชาวไทยก็เพิ่มจากเดิมด้วยเช่นกัน เพราะคนเราเมื่อมีสิทธิก็ต้องมีหน้าที่คู่กัน จะเรียกร้องแต่สิทธิหรือเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวมิได้ เช่นเดียวกับรัฐซึ่งมีหน้าที่มากขึ้น
แม้แต่การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินหรือการใช้อำนาจรัฐ และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายไม่ว่าทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม
4.มีภารกิจสำคัญ 2 เรื่อง ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บัญญัติให้ต้องทำ คือการวางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ทั้งในทางการเมืองการปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ว่าเราจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด และด้วยวิธีการอย่างไร
อีกเรื่องหนึ่งที่ควบคู่กันคือการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ เพื่อจะได้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ภารกิจนี้มีความสำคัญมาก จนระยะหนึ่งถึงกับพูดกันว่า จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งแล้วจึงค่อยไปปฏิรูปการดำเนินการทั้ง 2 ภารกิจนี้จะต้องมีกฎหมายมารองรับ เพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบ กำหนดวิธีดำเนินการ และขั้นตอนต่าง ๆ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลจะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติในเร็ววันนี้
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล มิได้เข้ามาเพื่อต้องการอำนาจและผลประโยชน์ หรืออยู่ยาวนานโดยปล่อยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านพ้นไปแต่ละวันโดยเปล่าประโยชน์หากแต่ต้องการแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่ค้างคาอยู่จนเป็นกับดักสะกัดกั้นความเจริญของชาติ ทั้งนี้ได้เคยแจ้งแผนและขั้นตอนการทำงานหรือที่เรียกว่าโรดแม็พให้พี่น้องทั้งหลายทราบล่วงหน้ามาตั้งแต่แรกแล้วว่า ช่วงเวลาระยะที่หนึ่งจะเป็นการบริหารประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วหลังจากที่ใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 2 เดือน
ช่วงเวลาช่วงต้นของระยะที่สองคือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นบริหารประเทศ ตลอดจนแต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งใช้เวลามาจนถึงบัดนี้ 2 ปีครึ่ง
ช่วงปลายของระยะที่สอง คือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเริ่มต้นแล้วในวันนี้แผนและขั้นตอนการทำงานในช่วงปลายต่อจากนี้ไปคือการบริหารประเทศโดยการเสริมสร้างความมั่นคงในทุกๆ ด้าน รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ และแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆให้ทันสมัย ตลอดจนเตรียมการปฏิรูปประเทศ เตรียมการด้านยุทธศาสตร์ชาติและสร้างความสามัคคีปรองดองของชนในชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นกำกับดูแล และขับเคลื่อนงานเหล่านี้ไว้แล้วดังที่เรียกโดยย่อว่า ป.ย.ป.
นอกจากนั้นในช่วงปลายของระยะที่สองนับจากวันนี้ไปจะเป็นการเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้แก่ การที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน แต่ละฉบับจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ซึ่งจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 เดือน หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมก็จะใช้เวลาเพิ่มอีกประมาณ 1 เดือน ต่อจากนั้นจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายภายใน 90 วัน เมื่อประกาศใช้กฎหมาย 4 ฉบับแรกเฉพาะที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบถ้วนแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้ง อันประกอบด้วยการสมัครรับเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียง และการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 5 เดือนนับจากวันประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบ 4 ฉบับ
รัฐบาลไม่สามารถระบุได้ชัดแจ้งว่าวันเลือกตั้งจะเป็นเมื่อใด เพราะยังไม่อาจกำหนดวันเริ่มต้นของแต่ละเหตุการณ์ได้ บัดนี้เราทราบเพียงวันเริ่มต้นนับหนึ่งของเหตุการณ์แรกคือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ต่อจากนั้น เหตุการณ์อื่น ๆ ก็จะขับเคลื่อนเลื่อนไหลไปตามลำดับ อันที่จริงไม่ว่าใครก็ไม่อาจระบุวันเวลาชัดเจนได้ นอกจากคาดเดาว่าน่าจะเป็นเมื่อนั้นเมื่อนี้ ขั้นตอนทั้งหลายจะเป็นดังที่เรียนมานี้และไม่ได้เพิ่งมากำหนดใหม่ในวันนี้หากแต่ทุกคนทราบมาตั้งแต่การออกเสียงประชามติแล้ว โดยไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ การเริ่มต้นนับหนึ่งของแต่ละเหตุการณ์เท่านั้น เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วรัฐบาลนี้ก็จะส่งมอบภารกิจให้รัฐบาลใหม่ และสิ้นสุดการทำงานลง อันจะเป็นการเริ่มช่วงเวลาระยะสามตามโรดแม็พต่อไปนับจากวันนี้รัฐบาลจะยังคงอยู่กับพี่น้องทั้งหลายและปฏิบัติหน้าที่ตามปกติภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แม้แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป บรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. หรือหัวหน้า คสช. ที่ออกไปแล้วยังคงมีผลใช้บังคับ อำนาจตามมาตรา 44 ยังคงมีอยู่ ซึ่งจะใช้ภายใต้หลักเกณฑ์เดิม คือใช้เท่าที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประเทศหรือเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปและแก้ปัญหาของประเทศซึ่งไม่อาจใช้มาตรการปกติได้ทัน หากเนิ่นช้าออกไปจะเกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม
รัฐบาลขอให้โอกาสต่อจากนี้ไป เป็นเวลาที่ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือกันยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศตามแนวทางประชารัฐ และปฏิบัติตามบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งจะเห็นประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในทุกทาง ด้วยการร่วมกันสร้างความสามัคคีปรองดอง ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างบรรยากาศที่สงบ และสันติสุข เอื้ออำนวยต่อวาระแห่งชาติที่จะมาถึง นั่นคือ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่
แม้แต่การเตรียมการเลือกตั้งภายใต้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์และยุติธรรม เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาใหม่ ก็เป็นวาระแห่งชาติสำคัญ จึงไม่ควรที่ผู้ใดจะทำให้เสียบรรยากาศ หรือทำให้เสียความรู้สึก และเสียความตั้งใจของประชาชนชาวไทย รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และช่วยกันขับเคลื่อนโรดแมปจนผ่านพ้นช่วงเวลาและขั้นตอนต่าง ๆ มาได้ด้วยดี และขอเดชะพระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมราชจักรีวงศ์ จงพิทักษ์รักษาราชอาณาจักรไทยให้สงบสุข และปกเกล้าปกกระหม่อมประชาชนชาวไทย ให้เย็นศิระเพราะพระบริบาล สืบเนื่องต่อไป ตราบกาลนานเทอญ
อ่านประกอบ : ราชกิจจานุเบกษาแพร่ รธน.ฉบับใหม่ปี’60
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จาก bangkokbiznews