ก.ค.ศ. ยันมติรับสมัครครูผู้ช่วย สพฐ. ไม่มีใบวิชาชีพสอบได้ 25 สาขา
มติก.ค.ศ.ยืนยันอนุญาตให้ผู้ไม่มีวุฒิครูมาสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สพฐ. ด้าน ปลัดศธ.มั่นใจจะได้ครูตรงตามหลักการ มีคุณภาพ และทันเวลา
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลา 8.00-9.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2560 โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประชุม
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมว่า ภายหลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดเปิดรับสมัครการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งอนุญาตให้ผู้ไม่มีวุฒิครูมาสอบได้ หลังจากนั้นก็มีเสียงสะท้อนจากกลุ่มนักศึกษาที่มีสิทธิ์สอบตามหลักสูตรครู 5 ปี และกลุ่มอาจารย์คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ที่มีความเห็นว่าเรื่อง "วิชาชีพครู" เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการคัดเลือกครู
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้ง สพฐ. และ ก.ค.ศ. ได้รับฟังเสียงสะท้อนดังกล่าว ก็พบว่ามีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก.ค.ศ.จึงได้มีการประชุมหารือกันในครั้งนี้เพื่อพิจารณาประเด็นดังกล่าว โดยมติที่ประชุมเห็นว่า สพฐ. ยังมีความจำเป็นที่ต้องได้ครูที่มีคุณภาพ ตรงตามสาขาที่สถานศึกษาต้องการ และได้ทันเวลา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก รวมทั้งกระบวนการที่จะได้มาของครูจะต้องมั่นใจว่าได้คนที่มีความรู้ความสามารถ และทักษะทางวิชาครู-วิชาเอกซึ่งเป็นวิชาเฉพาะ ส่วนคุรุสภาก็ยังคงยืนยันในหลักของมาตรฐานวิชาชีพครูเช่นเดิม โดยมีรายละเอียดดังนี้
กลุ่มวิชา/ทาง/สาขาวิชาเอก ที่ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2560 จำนวน 61 สาขาวิชา ตำแหน่งว่าง 6,437 อัตรา ในจำนวน 61 สาขาวิชาดังกล่าว ยืนยันว่า ผู้สมัครจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพครูหรือผ่านหลักสูตรครู 5 ปี จำนวน 36 สาขาวิชา ส่วนผู้ที่จะมีใบครูหรือไม่มีใบครูในวันสมัครก็ได้มีจำนวนทั้งสิ้น 25 สาขาวิชา ซึ่งจำแนกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1) กลุ่มที่ไม่ได้เปิดสอนหลักสูตร 5 ปี จำนวน 17 สาขา ได้แก่ 1. กายภาพบำบัด 2. กิจกรรมบำบัด 3. การเงิน/การบัญชี 4. จิตรกรรม 5. จิตวิทยาคลินิก 6. ดนตรีพื้นเมือง 7. นาฏศิลป์ (โขน) 8. ภาษาพม่า 9. ภาษาเวียดนาม 10. ภาษาสเปน 11. เศรษฐศาสตร์ 12. โสตทัศนศึกษา 13. หลักสูตรและการสอน 14. อุตสาหกรรมไฟฟ้า 15. อุตสาหกรรมศิลป์ (ช่างก่อสร้าง) 16. อุตสาหกรรมศิลป์ (ช่างยนต์) 17. ภาษามลายู
2) กลุ่มที่มีผู้สมัครสอบแข่งขันได้แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของสถานศึกษาที่ขาดแคลนเรื้อรัง 8 สาขา ได้แก่ 1. วิทยาศาสตร์ 2. วิทยาศาสตร์ทั่วไป 3. ฟิสิกส์ 4. เคมี 5. ชีววิทยา 6. คณิตศาสตร์ 7. ภาษาอังกฤษ 8. ภาษาเยอรมัน (เป็นกลุ่มวิชาที่ไม่มีผู้สอบแข่งขัน)
สำหรับกำหนดการสอบแข่งขัน ยังคงเหมือนเดิม คือ รับสมัครสอบแข่งขัน ระหว่างวันพุธที่ 29 มี.ค.- 4 เม.ย. 2560 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขัน ภายในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. 2560 สอบข้อเขียน ภาค ก ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ของความเป็นครู มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน วันเสาร์ที่ 22 เม.ย. 2560 ภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง วันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย. 2560 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ วันจันทร์ที่ 24 เม.ย. 2560 เป็นต้นไป ประกาศผลการสอบแข่งขัน ภายในวันศุกร์ที่ 28 เม.ย. 2560
นายชัยพฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ที่เป็นพิเศษในการสอบครั้งนี้ คือ ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือใบอนุญาตปฏิบัติการสอน สพฐ.จะอำนวยความสะดวกให้ โดยในวันสมัครให้ยื่นใบสมัคร แล้วแจ้งว่าไม่มีหลักฐานดังกล่าว สพฐ.จะบันทึกเอาไว้ และหากรายนั้นสอบได้ ในระหว่างที่เลือกโรงเรียน สพฐ. จะทำเรื่องโดยตรงไปยังคุรุสภาเพื่อให้คุรุสภาออกหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพครูโดยไม่มีใบอนุญาต 1 ใบ เพื่อนำไปรายงานตัวที่โรงเรียน ซึ่งจะต่างจากการสอบทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีครูที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นจำนวนหมื่นคน ต้องเดินทางเพื่อมาขอใบอนุญาตปฏิบัติการสอนเองที่คุรุสภา นอกจากนี้ หลังจากการสอบคัดเลือกแล้ว สพฐ.จะติวเข้มผู้ผ่านการสอบคัดเลือก ทั้งกลุ่มที่ไม่มีใบครูและกลุ่มที่มีใบครูแล้ว ซึ่งการอบรมเข้มจะเน้นให้ได้รู้สภาพจริงของโรงเรียนที่จะบรรจุแต่งตั้ง
"ด้วยกระบวนการนี้ จึงมั่นใจได้ว่า สพฐ.จะได้ครูตรงตามหลักการ คือ ตรงตามสาขาที่ต้องการ มีคุณภาพ และทันเวลา ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับครูโรงเรียนเอกชนด้วย เพราะจะประกาศผลก่อนเปิดภาคเรียนในวันที่ 28 เม.ย. เพื่อจะไม่ให้กระทบกับโรงเรียนเอกชนที่จะเตรียมสรรหาครูผู้สอนมาทดแทนได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน"