หมอเจตน์ ชี้ ปส.ต้องเร่งออกกฎยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรม
ปธ.กมธ.สธ.สนช.ชี้ ปส.เร่งออกประกาศกฎกระทรวง ยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ภายใต้กฎหมายควบคุมพลังงานนิวเคลียร์ เหตุมีคลินิกรอต่อใบอนุญาตสถานพยาบาล ด้านนายกทันตแพทยสภาโวย ปส.ไม่จริงใจแก้ปัญหา ยื้อออกกฎกระทรวงยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรม จี้เร่งออกกฎกระทรวงโดยเร็วตามที่รับปากไว้
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข (กมธ.สธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ยังไม่ออกประกาศกระทรวงเพื่อยกเว้นเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์หรือเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรม ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ว่า เรื่องนี้ทาง กมธ.สธ.ได้เคยพิจารณาแล้ว และได้ส่งความเห็นไปยัง ปส.ว่าเห็นควรให้มีการยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ที่จัดตั้งในคลินิกเล็กๆ ทั่วไป ทั้งที่คลินิกทันตกรรม คลินิกสัตว์แพทย์ และคลินิกรักษาโรค อาทิ โรคกระดูก จากการบังคับภายใต้กฎหมายนิวเคลียร์นี้ เนื่องจากในการพิจารณา พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติฯ ไม่มีใครทราบว่าจะมีการให้อำนาจ ปส.ควบคุมเครื่องเอกซเรย์ตามคลินิก รวมไปถึงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี (RSO) ซึ่งเดิมเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่สร้างความยุ่งยาก ทั้งการอบรมและการกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมจนเกิดผลกระทบขึ้น
จากบทเรียนของการออกกฎหมายฉบับนี้ ส่งผลให้ในการนำเสนอร่างกฎหมายจากนี้ไปได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ว่า ในการส่งร่าง พ.ร.บ.เพื่อให้ ครม.และ สนช.พิจารณา หน่วยงานที่นำเสนอจะต้องนำเสนอในส่วนของสาระกฎหมายลูกภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ด้วยว่าจะมีกี่ฉบับ มีเนื้อหาอย่างไร รวมทั้งระยะเวลาการออกกฎหมายลูกที่ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนในการพิจารณา และไม่ให้เกิดปัญหาวาระที่ซ่อนอยู่เช่นที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ได้มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ กมธ.สธ.ทั้งจากทันตแพทย์และผู้ที่ได้รับผลกระทบ กมธ.สธ.จึงได้มีการพิจารณาและเห็นว่าเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในคลินิกเล็กๆ ทั่วไป ถือว่ามีความปลอดภัยเพราะมีรังสีต่ำ ไม่เป็นอันตราย ยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ เพราะเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่และมีรังสีมากที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และเรื่องนี้ ปส.สามารถออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการบังคับภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้
“ขณะนี้ไม่ทราบว่าการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ของ ปส.อยู่ในขั้นตอนไหน อาจยังอยู่ในช่วงรับฟังความเห็นที่ต้องรอบด้าน ทั้งแพทย์และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากขณะนี้มีคลินิกจำนวนหนึ่งที่ไม่ยังรอต่อใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยรอการออกกฎกระทรวงฉบับนี้ก่อน ทาง ปส.จึงควรเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อปลดล๊อคไม่ให้เกิดคลินิกที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลซึ่งหมดอายุลงได้รับผลกระทบและอาจกระจายเป็นวงกว้างได้” ประธาน กมธ.สธ.
ด้านผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา กล่าวว่า กรณีการบังคับใช้กฎหมายพลังงานนิวเคลียร์ฉบับใหม่นั้น ที่ผ่านมาทันตแพทยสภาร่วมกับสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขได้มีมติตรงกันว่าให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ออกกฎกระทรวงยกเว้นให้เครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์หรือเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรมไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายนี้ เพราะมีความเห็นตรงกันว่า ปริมาณรังสีไม่ได้เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ซึ่งในทางสากลก็ปฏิบัติตามนี้ คือยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ โดยทางทันตแพทยสภาจะเป็นผู้กำกับและควบคุมการใช้งานของทันตแพทย์ โดยมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่ควบคุมเหมือนเช่นเดิม
นายกทันตแพทยสภา กล่าวต่อว่า เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็มีความเห็นตรงกันว่าจะดำเนินการออกกฎกระทรวงยกเว้น รวมถึงความเห็นของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช. ที่เห็นว่าต้องยกเว้นเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ก็รับรู้ขั้นตอนมาโดยตลอด แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ยังปรากฎว่ามีความพยายามที่จะยื้อการออกกฎกระทรวงยกเว้น โดยล่าสุดทาง ปส.ยังทำหนังสือเชิญผู้ประกอบการคลินิกทันตกรรมไปร่วมสัมมนาเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวง ซึ่งทันตแพทยสภาเห็นว่า เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสต์ฯ ต้องเร่งออกกฎกระทรวงยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ควรดึงเวลาให้ยืดเยื้อเช่นนี้ ทำให้วิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขยังมีปัญหาติดขัด ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายยังไม่ชัดเจน
อ่านประกอบ : “หมอเจตน์” นำกมธ.สธ. ดูงาน สปสช. ห่วงปัญหางบบัตรทองไม่พอได้ต่ำกว่าที่ขอทุกปี