แอมเนสตี้ยื่นรายงาน UN เสนอไทยยกเลิก ม.44-ผ่าน พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย
แอมเนสตี้เสนอรายงานและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลไทยไปยังสหประชาชาติ ในโอกาสทบทวนพันธกรณีของไทยต่อ ICCPR ที่เจนีวา แนะยกเลิก ม.44 และเร่งผ่านร่าง พ.ร.บ.ทรมานและอุ้มหาย เป็นกฎหมาย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เสนอรายงานต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในโอกาสการทบทวนพนธกรณีของไทยต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 13-14 มีนาคม 2560 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์รายงานฉบับนี้ตั้งอยู่บนข้อมูลจากการวิจัยและรวบรวมข้อมูลของแอมเนสตี้ ซึ่งนำมาสู่ข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนหลายประเด็น ได้แก่
- รัฐธรรมนูญและกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ข้อ 2 และ 4)
- สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ (ข้อ 6)
- การทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐและการปฏิบัติที่โหดร้ายทารุณ
- เสรีภาพและความปลอดภัยส่วนบุคคล การควบคุมตัวโดยพลการและการอุ้มหาย (ข้อ 7 และ 9)
- สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม (ข้อ 14)
- การปฏิบัติต่อคนต่างชาติโดยเฉพาะผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิง (ข้อ 12 และ 13)
- เสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมอย่างสงบ (ข้อ 19 21 และ 22)
จากข้อกังวลในประเด็นต่างๆ ข้างต้น แอมเนสตี้ได้เสนอข้อเสนอแนะต่อทางการไทยผ่านเวทีการทบทวน ICCPR รอบนี้หลายข้อ โดยข้อเสนอแนะที่สำคัญๆ มีดังนี้
- ยกเลิกมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 และคำสั่งอื่นๆ ที่จำกัดโดยพลการต่อเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้คุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
- ยกเลิกพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 และพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือยกเลิกเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐควบคุมตัวโดยพลการและลอยนวลพ้นผิด
- ให้โอนคดีของพลเรือนทุกคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารไปยังศาลพลเรือน
- รับรองว่า “ร่าง พ.ร.บ.ทรมานและอุ้มหาย” สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ และอนุสัญญาต่อต้านการบังคับบุคคลให้สูญหาย ตลอดจนต้องประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว
- สอบสวนและดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยก่อเหตุทรมานหรืออุ้มหาย โดยให้มีการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมได้มาตรฐานสากลและไม่ใช้โทษประหารชีวิต
- เยียวยาผู้เสียหายและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการทรมานและการอุ้มหายอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจรวมถึงการชดใช้ บำบัดฟื้นฟู การเยียวยาจิตใจ การพิสูจน์ความจริง และการเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะ
- รับรองว่าศาลจะไม่รับฟัง “คำรับสารภาพ” หรือคำให้การใดๆ ที่ได้มาจากการทรมาน มีการชะลอการดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยที่ร้องเรียนว่าถูกทรมาน ตลอดจนสั่งพักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุทรมานจนกว่าจะทราบผลการสืบสวน
- ยุติการดำเนินคดีและปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมหรือคุมขังจากการใช้สิทธิมนุษยชนของตนเองอย่างสงบ
- ไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศอันตราย ออกกฎหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงที่สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ ตลอดจนรับรองว่าผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงจะมีสถานภาพทางกฎหมายระหว่างอยู่ในประเทศไทย สามารถเข้าถึงการศึกษา ระบบสุขภาพ และหางานทำได้
- รับรองว่าว่ากฎหมายใหม่ๆ ซึ่งรวมรวมถึงกฎหมายสำหรับกำกับดูแลการเลือกตั้งหรือการลงประชามติในอนาคตจะไม่ที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบของประชาชน
- คุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ของประชาชน และแก้ปัญหาการขู่ฆ่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมเพื่อสิทธิชุมชน
- ตรวจสอบภาคธุรกิจอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้การดำเนินธุรกิจใดๆ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อ่านประกอบ
ม.44 กฎหมายลิดรอนสิทธิ ยูเอ็นจี้หนักในเวที ICCPR เจนีวา
ไทยแจงยูเอ็นมีแผนเลิก "พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-กฎอัยการศึก" ชายแดนใต้บางพื้นที่