จ้างผู้สูงอายุอย่างไร หักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ 2 เท่า
ค่าจ้างผู้สูงอายุ หักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้สองเท่า เป็นมาตรการภาษีเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยกฎหมายประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639) พ.ศ. 2560 สาระสำคัญคือให้สิทธิประโยชน์ภาษีการจ้าง “ผู้สูงอายุ” ผู้จ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำค่าจ้างไปเป็นรายจ่ายในการคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่าของค่าจ้างจริง โดยที่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้สิทธิตัวนี้สลับซับซ้อนพอสมควร เมื่อเรียบเรียงจากภาษากฎหมายมาเป็นภาษาเพื่อการสื่อสารที่เข้าใจได้ จะมีสาระสำคัญ ดังนี้
ผู้สูงอายุคือ
- ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในวันที่จ้าง เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป ผู้สูงอายุที่จ้างต้องเกิดก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2498
ผู้สูงอายุที่จ้างต้อง
- สัญชาติไทย
- เคยเป็นลูกจ้างของนิติบุคคลที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว หรือเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนหางานไว้กับกรมการจัดหางาน
- ไม่เป็นและไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลที่จ้าง หรือนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
จ้างเป็นอะไรได้บ้าง
- จ้างเป็นลูกจ้างหรือตำแหน่งหน้าที่อื่น ๆ ก็ได้ เช่นรับจ้าง ที่ปรึกษา
ผู้สูงอายุที่ทำงานหลายแห่ง
- นิติบุคคลที่ผู้สูงอายุเข้าทำงานก่อน ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเพียงแห่งเดียว
ค่าจ้างผู้สูงอายุ
- ค่าจ้างต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันบาท (ถ้าค่าจ้างเกินนี้หักเป็นรายจ่ายได้ตามจริง แต่ไม่ได้สิทธิประโยชน์ในการหักรายจ่ายเพิ่ม)
ค่าจ้างผู้สูงวัยสูงสุดที่หักเป็นรายจ่ายได้สองเท่า
-จำนวนผู้สูงวัยที่จ้างได้ -ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนลูกจ้าง (จำนวนที่เกินหักเป็นรายจ่ายได้ตามความเป็นจริง แต่ไม่ได้สิทธิประโยชน์ภาษีในการหักรายจ่ายเพิ่ม)
รอบบัญชีที่ใช้
- รอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2559 เป็นต้นไป
หลักเกณฑ์อื่น ๆ
- เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ
วิไล วัชรชัยสิริกุล
9 มีนาคม 2560
อ่านประกอบ :
มีผลแล้ว!พ.ร.ฎ.ยกเว้นภาษีนิติบุคคล จ้างผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงาน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก doe.go.th/elderly