สกว.พัฒนาระบบกล้องอัจริยะ จับจยย.ไม่สวมหมวกกันน็อคได้ทั้งกลางวันกลางคืน
ตำรวจเปิดตัวจ่าเฉยอัจฉริยะคอยจับผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อค รองผบช.น.หวังลดอุบัติเหตุ ด้านหัวหน้าโครงการฯ เผยแค่สวมหมวกกันน็อคก็ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บสาหัสได้ 70%
เมื่อเร็วๆ นี้ กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) แถลงข่าวโครงการระบบจ่าเฉยอัจฉริยะ “ระบบตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัติ” ณ ห้องประชุมแสงสิงแก้ว ชั้น 2 กองบังคับการตำรวจจราจร
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ดูแลงานจราจร กล่าวถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถือเป็นการสูญเสียลำดับต้นๆ ของสถิติอุบัติเหตุในประเทศไทย ดังนั้นการสวมหมวกนิรภัยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถช่วยลดความสูญเสียให้ลดลงได้ ทั้งในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายที่มีบทบัญญัติให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และเป็นการส่งเสริมการทำงานของรัฐบาล ประเทศไทย4.0 โดยตอนนี้มีรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมากกว่า 3 ล้านคันในเขตกรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่สามารถทำงานได้เทียบเท่าหรือมากกว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้พัฒนาระบบตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยอัตโนมัติขึ้น เพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมายและยกระดับวินัยการจราจรของภาคประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ทดสอบการใช้งานเป็นโครงการนำร่องจำนวน 1 จุด บริเวณแยกโบสถ์แม่พระ ถนนจตุรทิศ มุ่งหน้าถนนประชาสงเคราะห์ ราคาโดยภาพรวมของเซิฟเวอร์และกล้องราคาประมาณแสนกว่าบาท โดยจะมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาให้กับตำรวจ เพื่อนำไปใช้ปฎิบัติจริงในอนาคตต่อไป
ดร.จันทรวิภา ธนะโสภณ รองผอ.สกว. กล่าวว่า โครงการงานวิจัยนี้เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายได้เป็นอย่างดี ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนจะได้รับประโยชน์ต่อความปลอดภัยบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ส่วนการทำงานโดยภาพรวมของตำรวจจราจรจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการส่งเสริมการสร้างและใช้เทคโนโลยีจากการวิจัยของนักวิจัยไทยตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
"ขณะนี้ ยู่ระหว่างการทดสอบของเจ้าหน้าที่เพื่อศึกษาวิธีการใช้งานและเก็บข้อมูลก่อนออกใบสั่งอัตโนมัติจริง ซึ่งผลการทดสอบสามารถทำงานตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยได้อย่างดี ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน"
ด้าน รศ.ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์ หัวหน้าโครงการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย กล่าวถึงการละเมิดกฎจราจรเป็นหนึ่งในปัญหาหลักในตอนนี้ ซึ่งพฤติกรรมของผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ขาดวินัย โดยเฉพาะการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยองค์กรอนามัยโลกได้ระบุว่า การสวมหมวกนิรภัยช่วยลดอุบัติเหตุได้ร้อยละ 40 และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บสาหัสได้ประมาณร้อยละ 70
"จากนี้ถ้ามีการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถบังคับให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยและผู้โดยสารได้ถึงร้อยละ 90 ในการพัฒนาระบบตรวจสอบหมวกนิรภัยของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ไม่สวหมวกนิรภัยด้วยเทคนิคการประมวลผลทางภาพ(Lmage Processing) และพัฒนาระบบการถ่ายภาพจากหลากกล้อง ซึ่งจะถ่ายภาพป้ายทะเบียนของรถจักรยานยนต์จะอยุ่บริเวณท้ายรถเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ต้องถ่ายภาพทั้งส่วนหน้าด้านหน้าและด้านหลังของรถพร้อมกัน เพื่อป้องกันการออกคำสั่งผิดพลาด
รศ.ดร.มงคล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้เชื่อมระบบ ทดสอบ และอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานดังกล่าว ระบบจะสามารถตรวจสอบพาหนะด้วยที่เลือกเฉพาะรถจักรยานยนต์ในวิดีโอเท่านั้น หลังจากนั้นระบบจะตรวจสอบต่อไปว่าผู้ขับขี่ได้สวมหมวกนิรภัยถูกต้องหรือไม่ โดยจะสำรวจบริเวณศีรษะของผู้ขับขี่ว่าสวมหวกนิรภัยหรือไม่ หากไม่พบจะถ่ายภาพและระบุภาพของผู้กระทำความผิด ซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างกล้องด้านหน้าหรือกล้องด้านข้างและกล้องด้านหลังเพื่อเตรียมออกใบสั่งอัตโนมัติต่อไป