“โฉนดชุมชน” แป๊ก! รบ.ยิ่งลักษณ์เมินสานต่อ 1 ปีผ่านไปแจกแค่ 2 พื้นที่
“มาร์ค” ติง “ยิ่งลักษณ์” อย่าเกี่ยงสานต่อโฉนดชุมชน-ธนาคารที่ดิน-ภาษีที่ดิน อีก 100 แห่งรอจัดสรร นักวิชาการชี้ 1 ปีโฉนดชุมชนแห่งแรก “คลองโยง” ไร้แรงหนุน ชาวบ้านตั้งเป้า 2 ปีเป็นแหล่งเกษตรอินทรีย์
วันที่ 11-12 ก.พ. 55 ที่สหกรณ์บ้านคลองโยง อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย(คปท.) ร่วมกับสถาบันอาเซียน ม.มหิดล ชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีน มูลนิธินโยบายสุขภาวะ จัดงานครบรอบ 1 ปีโฉนดชุมชนบ้านคลองโยง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมงานและกล่าวว่ารัฐบาลปัจจุบันควรเร่งสานต่อนโยบายฉโนดชุมชน จัดตั้งธนาคารที่ดิน ออกกฏหมายภาษีที่ดิน โดยไม่อยากให้มองว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลก่อน แต่ให้มองว่าเป็นเรื่องมีประโยชน์แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่กว่า 100 แห่งรอจัดสรรโฉนดชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายโฉนดชุมชนริเริ่มในรัฐบาลชุดก่อนที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการผลักดันของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และเครือข่ายชุมชนทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ชาวบ้านโดยให้ชุมชนร่วมกันบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ที่ได้รับโฉนดชุมชนแล้วเพียง 2 แห่งคือ 1.ชุมชนสหกรณ์บ้านคลองโยง จำกัด เนื้อที่ 1,803 ไร่ 2.ชุมชนสหกรณ์การเกษตรโฉนดชุมชนป่าซาง จำกัด จ.ลำพูน เนื้อที่ 142 ไร่ และปัจจุบันยังไม่มีการสานต่อเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
ในงานยังมีการเสวนา “โฉนดชุมชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนและการจัดการที่ดินที่ยั่งยืน” โดย ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าบ้านคลองโยงได้รับโฉนดชุมชนจากรัฐบาลเป็นแห่งแรกของประเทศเมื่อ 12 ก.พ.54 แต่หนึ่งปีผ่านมายังไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ ดังนั้นสหกรณ์บ้านคลองโยงควรกำหนดระเบียบระเบียบแบบแผนการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์ และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชนต้องช่วยกันสนับสนุนเพื่อให้เป็นพื้นที่พัฒนาตัวอย่างแก่ชุมชนอื่นๆ
ด้านนายบุญลือ เจริญมี ประธานสหกรณ์บ้านคลองโยง กล่าวว่า ปัจจุบันการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งเกษตรอินทรีย์ยังเป็นไปได้ยาก เพราะการปลูกข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของท้องถิ่นนั้นยังเน้นการใช้สารเคมีเพราะให้ผลผลิตมากกว่า ดังนั้นต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจชาวบ้านสักระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าภายในปี 2556 ชุมชนบ้านคลองโยงจะกลายเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดสารพิษได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์
“สหกรณ์วางแผนพัฒนาแหล่งอาหารด้วยวิธีการทำเกษตรผสมผสาน เน้นพืชปลอดสารพิษ และมีโครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์ ให้ชาวบ้านยืมไปใช้เพาะปลูก และอนาคตจะมีการสร้างโรงสีข้าวชุมชน เพื่อลดต้นทุนการผลิตด้วย” นายบุญลือกล่าว
นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม กล่าวว่า ชาวคลองโยงต้องร่วมมือผลักดันให้เกิดเกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศ และหาตลาดใหญ่กระจายสินค้า เช่น เทสโก้โลตัส ท๊อปซูปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งจะทำให้ชุมชนอยู่ได้โดยไม่พึ่งสารเคมี นอกจากนี้ยังต่อยอดเป็นเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวเมืองชมสวนเกษตรผสมผสานได้ แต่โครงการทั้งหมดจำเป็นต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในพื้นที่ .