วงเสนาชี้ แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ทำได้ในชาตินี้ จี้ผู้นำส่งสัญญาณให้ชัดเอาจริงเอาจัง
เวทีอภิปรายสาธารณะ แก้ปัญหาคอรัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า ครั้งที่ 2 นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ชี้ชาติเดียวแก้ได้ ยกให้ดูสิงค์โปร์ตัวอย่าง จี้ผู้นำไทยส่งสัญญาณให้ชัดเอาจริงเอาจัง ขณะที่หน่วยงานตรวจสอบต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรประชาชน จัดเวทีอภิปรายสาธารณะ แก้ปัญหาคอรัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า ครั้งที่ 2 ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า อยากให้ประเทศไทยมีการปราบคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง และทำเป็นระบบ โดยยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ที่ปัจจุบันมีความโปร่งใส่มากที่สุด ซึ่งแปลว่า คอรัปชั่นแก้ได้ในชาติเดียว
“การที่คอรัปชั่นของสิงคโปร์แก้ได้นั้นก็คือ การทำให้กฎหมายมีความก้าวหน้า เพิ่มอำนาจหน่วยงาน ต้านคอรัปชั่น ให้เงินเดือนราชการสูง ที่สำคัญผู้นำต้องเอาจริง หากประเทศไทยได้ใช้วิธีนี้ปราบคอรัปชั่น เชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองนั้นมีความโปร่งใส่มากขึ้น”
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ประเทศไทยมีหน่วยงานต่อต้านคอรัปชั่นหลักๆก็คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการคอรัปชั่น ซึ่ง ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ปัจจุบันนี้มีคดีเกี่ยวกับการคอรัปชั่น ไม่ว่าจะเป็น คดีสินบนสุราข้ามชาติ สินบน โรลส์-รอยซ์ คดีพวกนี้จะพิสูจน์ ป.ป.ช. ซึ่งประชาชนคาดหวังในการแก้ไขปัญหาการคอรัปชั่น นอกจากนี้ยังมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ยังสามารถแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นได้อีกหน่วยงาน
สำหรับสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำต่อไปนั้น ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า คือเพิ่มอำนาจหน่วยงานตรวจสอบ เพิ่มงบประมาณในการตรวจสอบ และให้หน่วยงานตรวจสอบมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในเวลาที่มีการตรวจสอบก็ควรจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบใช้ดุลพินิจในทางที่ถูกต้อง เอาผิดเฉพาะคนที่มีเจตนาคอรัปชั่นจริงๆ และผู้นำควรส่งสัญญาณชัดเจนหากพบว่าคนใกล้ตัวมีการทุจริต และที่สำคัญการที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงปัญหาการทุจริตในส่วนของวงการรถไฟ ต้องการให้การรถไฟยกระดับคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ให้เท่าเทียมนานาอารยประเทศ โดยเฉพาะในการประมูลเรื่องการรถไฟส่วนมากแล้วจะเปิดการประมูลทั่วไป มีการแข่งขันทางด้านเทคนิคและราคา แต่สุดท้ายมักจะลงเอยด้วยจัดซื้อโดยวิธีพิเศษหรือเจรจาตกลงกับผู้รับเหมารายใดรายหนึ่ง นำมาซึ่งการเกิดคอรัปชั่นได้
“ประเทศไทยเอง มีการแก้กฎหมายและมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ถ้าเข้มงวด เอาจริงเอาจัง ไม่เห็นแก่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือคนสนิท ก็สามารถทำได้” ดร.สามารถ กล่าว และว่า สำหรับคนกำกับดูแลหน่วยงานนั้นๆ จะต้องเข้าใจงาน ต้องไม่ให้ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีส่วนในการประมูลนั้นหลอกได้ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ที่จริยธรรมหรือจิตสำนึกของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการจะแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นต้องเริ่มต้นที่ผู้นำ และบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งหากรอชาติหน้าประเทศก็คงจะเหลือแต่เสาหรือตอม่อเท่านั้นเอง วันนี้ปัญหาหลักคือจะทำอย่างไรที่จะทุบทำลายระบบอุปถัมภ์ ใช้ระบบคุณธรรมมาแทนที่
“บ้านเรามีกฎหมายค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำมาสู่การประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆนี้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะให้บทบาทภาคประชาชนมากพอสมควรในเรื่องของการตรวจสอบการทุจริตหรือการ คอรัปชั่น จึงอยากให้สังคมไทยอย่ากลัวอำนาจรัฐ ไม่ต้องกลัวนักการเมือง และลดปัญหาในเชิงอุปถัมภ์มากขึ้น เพิ่มอำนาจให้กับองค์กรตรวจสอบ ถ้าไม่สามารถทำให้องค์กรกำกับดูแลหรือตรวจสอบเหล่านี้เข้มแข็งได้ สังคมไทยก็จะกลับไปแนวทาง เดิม คอรัปชั่นก็ยังวนเวียนอยู่ในปัญหาตลอดไป ที่สำคัญต้องทำให้ภาคประชาชนเข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้า มามีส่วนร่วมให้มากที่สุด นอกจากนี้ต้องมีภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนที่เสียสละเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย”
สุดท้ายนายวิลาส จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยที่มีมากขึ้นเกิดจากประเทศถือความเป็นพรรคเป็นพวกเดียวกัน ทำให้การตรวจสอบไม่สมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันปัญหาการทุจริตเฉลี่ยอยู่ที่มูลค่าประมาณ 40% ซึ่งองค์กรตรวจสอบยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นจะต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และต้องให้เกิดการแข่งขันในระหว่างองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบด้วยกัน และให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินใช้อำนาจเหมือนป.ป.ช. ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีการทุจริตในเรื่องที่เกี่ยวกับการคลังและการงบประมาณ
ทั้งนี้ในช่วงท้ายนาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโลภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อภิปรายปิดการเสวนา