บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่'วัดพระธรรมกาย'ขัดขวางจําคุกหนึ่งปี-ปรับสองหมื่น
'บิ๊กตู่' ลงนามคำสั่งใช้ ม.44 ประกาศควบคุมพื้นที่'วัดพระธรรมกาย' ฝ่าฝืนมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี-ปรับไม่เกินสองหมื่น หรือทั้งจำและปรับ ระบุเหตุมีการไม่ให้ความร่วมมือ ขัดขวาง ปิดบัง ซ่อนเร้น ปิดกั้นมิให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ จำเป็นต้องบังคับใช้กม.เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2560 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560เรื่อง มาตรการให้อํานาจกําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายตามที่ได้ปรากฏว่ามีบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มมีข้อกล่าวหาว่ากระทําความผิดอาญาอันมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและบ้านเมือง ซึ่งการกระทําความผิดดังกล่าวนําไปสู่การออกหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว แต่มิได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามหมายของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่หรือของศาล แล้วแต่กรณี ทั้งยังมีการขัดขวาง ปิดบัง ซ่อนเร้น ตลอดจนปิดกั้นพื้นที่มิให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ และการขัดขวางดังกล่าวยังขยายอาณาบริเวณกว้างขวาง หรือมีกลุ่มคนจํานวนมากเข้ามาสมทบหรือชุมนุมกันจนน่าวิตกว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เป็นเหตุให้การบังคับใช้กฎหมายไม่บรรลุผล และทําลายความสงบเรียบร้อยของส่วนรวมจึงจําเป็นต้องกําหนดมาตรการให้อํานาจในการควบคุมพื้นที่ขึ้นเป็นการชั่วคราวเท่าที่จําเป็นเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง รวมทั้งเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในคําสั่งนี้
“พื้นที่ควบคุม” หมายความว่า พื้นที่ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งมีความชัดเจนและครอบคลุมพื้นที่เท่าที่จําเป็นเพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายในส่วนของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างมีประสิทธิภาพ
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษข้าราชการตํารวจ ข้าราชการทหาร หรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายให้เข้าปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับการร้องขอจากกรมสอบสวนคดีพิเศษในการสนธิกําลังหรือสนับสนุนช่วยเหลือในการปฏิบัติการตามคําสั่งนี้
ข้อ 2 เมื่อปรากฏว่ามีสถานการณ์หรือเหตุจําเป็นต้องมีการควบคุมพื้นที่ในบางเขต
บางพื้นที่เป็นการชั่วคราว เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจประกาศกําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจ
ดําเนินการตามคําสั่งนี้ได้ตามความจําเป็นแห่งเหตุหรือสถานการณ์นั้น
เมื่อสถานการณ์หรือความจําเป็นสิ้นสุดลงแล้ว ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศยกเลิกการกําหนดพื้นที่ควบคุมนั้นประกาศกําหนดพื้นที่ควบคุมตามวรรคหนึ่ง และประกาศยกเลิกการกําหนดพื้นที่ควบคุมตามวรรคสอง เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ข้อ 3 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจ
ดําเนินการภายในพื้นที่ควบคุม ดังต่อไปนี้
(1) ควบคุมการเข้าหรือออกในพื้นที่
(2) สั่งให้บุคคลใดออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กําหนด หรือสั่งให้บุคคลใดเข้าไปอยู่ในพื้นที่ใดเพื่อประโยชน์ในการควบคุมหรือดูแลความปลอดภัย หรือให้งดเว้นการกระทําใด ๆ อันเป็นการรบกวนหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
(3) ออกคําสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวหรือให้ถ้อยคําต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตลอดจนส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิด
(4) จับกุมตัวบุคคลที่กระทําความผิดอาญาซึ่งหน้า และควบคุมตัวผู้ถูกจับนําส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
(5) ดําเนินการเพื่อควบคุมระบบสาธารณูปโภค ระบบการสื่อสาร การใช้อากาศยานไร้คนขับตลอดจนกําหนดมาตรการและดําเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการควบคุมหรือดูแลความปลอดภัย
(6) เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใดเพื่อตรวจค้น รวมตลอดทั้งค้นตัวบุคคลและยานพาหนะ
(7) รื้อถอน ทําลาย หรือเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งกีดกั้น
(8) ดําเนินการอื่นใดที่จําเป็นตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 4 ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ และให้มีอํานาจร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใดให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ในกรณีจําเป็นอาจร้องขอให้พระสังฆาธิการ ผู้ปกครองสงฆ์ และภิกษุอื่นที่เกี่ยวข้อง อนุเคราะห์ให้การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปโดยเรียบร้อยตามกฎหมายและพระธรรมวินัยด้วยก็ได้
เมื่อได้รับการร้องขอตามวรรคหนึ่งแล้วให้หน่วยงานหรือบุคคลที่ได้รับการร้องขอดําเนินการให้เป็นไปตามคําร้องขอในทันทีหรือภายในระยะเวลาที่กําหนด
ข้อ 5 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อ 6 ผู้ใดขัดขวางหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคําสั่งนี้ให้ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ข้อ 7 การกระทําตามคําสั่งนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
ข้อ 8 ให้นํามาตรา 17 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. 2548 มาใช้บังคับกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคําสั่งนี้
ข้อ 9 เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายสําหรับความผิดที่ได้มีการออกหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ เมื่อคําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ให้วัดพระธรรมกายตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายในอําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี รวมถึงพื้นที่หมู่ 7 หมู่ 8 หมู่ 9 หมู่ 10 หมู่ 11 หมู่ 12 และหมู่ 13 ในตําบลคลองสอง และพื้นที่หมู่ 7 หมู่ 8 หมู่ 9 หมู่ 10 และหมู่ 11 ในตําบลคลองสาม อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่ควบคุมตามคําสั่งนี้
ข้อ 10 เมื่อเหตุการณ์และความจําเป็นสิ้นสุดลงหรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
นายกรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ 11 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2560
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต
(ดูประกาศฉบับเต็ม http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/047/1.PDF)