สกอ.ไล่ออก'อดีตอธิการฯม.อุบล'ย้อนหลังปี53-ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทอดกฐิน-ให้ทุนมิชอบ
สกอ.ออกคำสั่งไล่ออกราชการ ศ.ประกอบ วิโรจนกุฏ อดีตอธิการบดีม.อุบล หลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เหตุไม่ปฏิบัติตามระเบียบใช้จ่ายเงิน คดีทอดกฐิน-ให้ทุนมิชอบ มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2560 ที่ผ่านมา นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา ได้ลงนามในคำสั่ง สำนักงานคณะกรรมการอุดาศึกษา ที่37/2560 ลงโทษไล่ออกศาสตราจารย์ ประกอบ วิโรจนกุฏ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ออกจากราชการ
โดยในคำสั่งระบุว่า การลงโทษไล่ออกจากราชการดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการประชุมครั้งที่ 815-89/2559 ลงวันที่ 10 พ.ย.2559 มีมติชี้มูลทางวินัยร้ายแรงแก่ ศาสตรจารย์ประกอบ วิโรจนกุฏ ว่าไม่ปฏิบัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่าด้วยการเงินและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ.2534 และใช้จ่ายเงินรายได้ที่ไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ.2533 ดังนี้
1. อนุมัติให้ยืมเงินสำรองหมุนเวียน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบราชการ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการทอดกฐินสามัคคีและมอบทุนการศึกษาประจำปี 2549 2.การให้ทุนแก่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ในโครงการส่งเสริมศักยภาพครูผู้สอนภาษาอังกฤษจากการเรียนรู้สภาพจริงกับเจ้าของภาษา ครั้งที่ 1 และ 3. โครงการส่งเสริมศักยภาพครูผู้สอนภาษาอังกฤษจากการเรียนรู้สภาพจริงกับเจ้าของภาษาครั้งที่ 2
2. อนุมัติให้กู้ยืมเงินสวัสดิการเพื่อการศึกษาแก่บุคลากรภายในมหาวิทยาลัยทั้งข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 165 ราย โดยที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีไม่ได้จัดสรรรายได้ตั้งเป็นเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อเสนอให้สภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อนุมัติงบประมาณสำหรับการให้กู้ยืม
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและแบบแผนของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของทางราชการ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 39 วรรคสามและวรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547
อาศัยอำนาจตามมาตรา 92 และมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2554 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 ประกอบมาตรา 30 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จึงลงโทษไล่ออกศาสตราจารย์ประกอบ วิโรจนกุฏ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2553 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม หากศาสตรจารย์ประกอบ วิโรจนกุฏ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งลงโทษ ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ (ก.อ.ร.) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้ (ดูคำสั่งท้ายข่าว)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยังรศ.ดร.นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ได้รับการยืนยันว่า ได้รับทราบคำสั่งไล่ออกศาสตราจารย์ประกอบ จากสกอ.แล้ว หลังจากนี้จะแจ้งกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยฯรับทราบต่อไป รวมถึงแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอนทั้งเรื่องบำเน็จบำนาญ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่ทั้งนี้ต้องรอให้คดีความถึงที่สุดก่อน