ไทยไม่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้าเลยหรือ?
ถ้าประเมินเมืองไทยกันเอง คนจำนวนไม่น้อย มีแนวโน้มจะให้เกรดว่า "สอบตก" หรือ "เกือบตก" อยู่เป็นนิจ ซึ่ง ในความเห็นผม จัดเป็นการให้เกรดที่เอนเอียงไปทางลบ ด้วยเหตุที่ผู้ให้เกรดรักประเทศนี้มาก อยากเห็นบ้านเมืองตนไปไกลกว่านี้อีกมาก และ ก็เป็นเพราะหวังผลงานจากรัฐบาลเอาไว้มากไป แต่ถ้าดูจากสายตาคนต่างชาติ ผลที่ออกมาแทบจะตรงกันข้ามครับ ไทยสอบผ่าน อย่างสบายๆ
หมายเหตุ : บทความเรื่่อง ไทยไม่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้าเลยหรือ? โพสต์บน Fb เพจ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatas
-----
เมืองไทยมีคนเป็นห่วงและปรารถนาดีต่อบ้านเมืองไม่น้อย นี่เป็นเรื่องดี และ มีอะไรเร่งด่วนอีกหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ไม่ใช่ประเทศยากจนล้าหลังอีกแล้ว โลกนั้นมองว่าไทยเป็นประเทศ "รายได้ปานกลาง" คนส่วนใหญ่หาได้อยู่ในเขตชนบทแล้ว หากอยู่ในเขตเมืองหรือนครแล้ว คนจนนั้นยังมีอยู่จริง แต่ก็มีไม่มากนัก และประชากรส่วนใหญ่คือคนชั้นกลาง และคนชั้นกลางระดับล่าง ต่างหาก สินค้าของไทยนั้น จะเป็นทางเกษตร หัตถกรรม หรือ อุตสาหกรรม ล้วนถูกมองว่าเป็นสินค้าชั้นดี สมราคา ไม่แพง แข่งกับใครได้ไม่ยาก นอกจากนั้น ไทยขึ้นไปเป็นประเทศสำคัญในด้านการท่องเที่ยวของโลกไปแล้ว กทม. ภูเก็ต พัทยา และ เชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่คนต่างชาติมาเยือนมากมายจนจัดอยู่ในเมืองชั้นต้นๆ ของโลกได้
ถ้าประเมินเมืองไทยกันเอง คนจำนวนไม่น้อย มีแนวโน้มจะให้เกรดว่า "สอบตก" หรือ "เกือบตก" อยู่เป็นนิจ ซึ่ง ในความเห็นผม จัดเป็นการให้เกรดที่เอนเอียงไปทางลบ ด้วยเหตุที่ผู้ให้เกรดรักประเทศนี้มาก อยากเห็นบ้านเมืองตนไปไกลกว่านี้อีกมาก และ ก็เป็นเพราะหวังผลงานจากรัฐบาลเอาไว้มากไป แต่ถ้าดูจากสายตาคนต่างชาติ ผลที่ออกมาแทบจะตรงกันข้ามครับ ไทยสอบผ่าน อย่างสบายๆ
ดูจากการที่คนต่างชาติ ทั้ง อาเซียน จีน อินเดีย และ เอเชียใต้ที่เหลือ ล้วนนิยมสินค้าของไทย ก็ถือว่าสอบผ่านสบาย ดูจากการที่ผู้คนต่างชาติเลือกมาเที่ยวมาพักผ่อนไทยมากจนติดอันดับโลก ก็ถือว่าผ่านฉลุยอีก ต่างชาติพากันมองว่าไทยนั้นมาง่าย เที่ยวง่าย ปลอดภัย ไม่แพง ผู้คนน่ารัก มีของดีๆ ให้ช้อป มี โบราณสถานและธรรมชาติดีๆ มีเรื่องดีๆ คนดี ๆ เยอะแยะ ซึ่งก็ชี้อีกว่า สอบผ่าน อาจสอบได้ A เสียด้วย ดูจากที่โลกเขาว่าไทยนั้นมีเศรษฐกิจใหญ่ทีเดียว ถ้าวัดด้วยกำลังซื้อที่เป็นจริง จะใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ก็ถือว่าผ่านอีก เพราะใหญ่กว่าถึง 170 กว่าประเทศในโลกใบนี้ เศรษฐกิจเรา เอาเข้าจริง "ไม่ถือว่าเล็ก" ครับ "รู้ตัว" กันหรือเปล่า ? ยิ่งกว่านั้น ถ้าวัดที่เรามีเงินเฟ้อต่ำ มีการว่างงานน้อย มีค่าเงินบาทมั่นคง และชาวบ้านเรา "พอเพียง" ในเรื่องอาหารการกินด้วย ก็จัดว่า ไทย "ผ่าน" อย่างแน่นอน
การสอบผ่านกับการทำงานต่อไป นี่ก็คนละเรื่องนะครับ สอบผ่านก็ผ่านไปเพียงให้หัวใจชุ่มชื่นและมีกำลังใจ มีความหวังว่าอีก "หลายวิชา" ที่ยังทำกันได้ไม่ดี หรือผ่านแค่หวุดหวิด คงจะแก้ไขได้สำเร็จเช่นกัน เช่น ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหารวมศูนย์อำนาจเกินไป ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางโอกาส ทางรายได้ และทางทรัพย์สิน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาคุณภาพ และความเหมาะสมของการศึกษาไทย ปัญหาความไม่เท่าเทียม หรือความไม่สมดุลย์ระหว่างเมืองใหญ่ฝ่ายหนึ่งกับเมืองเล็กและชนบท อีกฝ่ายหนึ่ง ปัญหาการต่อสู้กันทางการเมืองจนสังคมแตกแยก และ แตกหัก และปัญหาว่าจะพากันกลับสู่สมานฉันท์ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยอย่างไร เพื่อให้บ้านเมืองเจริญยั่งยืน
อนึ่ง การบริหารและพัฒนาประเทศนั้นย่อมไม่ใช่แค่การสอบผ่านหรือไม่และไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การเปิดโอกาสใหม่ให้ประเทศได้ด้วย ผู้นำที่ดี รัฐบาลที่ดี สังคมที่ดี จึงไม่เพียงเพียรแก้ปัญหา แต่ยังต้องมีกรอบคิดวิสัยทัศน์ที่จะนำพาประเทศไปสู่โอกาสใหม่ๆ ด้วย ซึ่งตรงนี้แหละที่เราไม่เพียงแต่จะต้องตระหนักว่าในเรื่องหลักๆ นั้นเราสอบผ่าน ดังที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสใหม่รอเราอยู่อีกมาก จากจุดแข็งที่มีอยู่จริงเช่น หนึ่ง ศักยภาพของคนไทยในการเข้าสู่ "หลั่นล้าอีโคโนมี" ถือว่าสูงมาก สอง ที่ตั้งของเรา เป็นศูนย์กลางของเออีซี และโยงต่อไปเข้าสู่จีนและอินเดียได้อีก สาม เรามีฝั่งทะเลที่ยาวเป็นอันดับสองในอาเซียนภาคพื้นดินยาวเป็นรองเวียดนามไม่มาก ยาวกว่าพม่า สี่ เรา "รวยทะเล รวยสมุทร" เรามีถึงสองมหาสมุทร " ส่วน เวียดนามนั้น
แม้ทะเลจะยาวกว่าไทย แต่ก็มีเพียงมหาสมุทรเดียว จีนนั้นแม้พื้นที่จะใหญ่เป็นยี่สิบเท่าของเรา ก็มีเพียงปาซิฟิก ไม่มีมหาสมุทรอินเดียด้วย ยกมาเพียงสี่จุดแข็งนี้ก็น่าจะพอที่จะทำให้ผู้ที่ห่วงใยและปรารถนาดีต่อเมืองไทย ได้มีความหวังว่าหนทางข้างหน้าไม่มืดมน และขอเพียงให้มีรัฐบาลที่เก่งและดีแค่แบบโดยเฉลี่ย และมีสังคมที่ว่องไวและรู้จักปรับตัวได้แบบเฉลี่ย เท่านั้น ก็จะเดินหน้าต่อไปได้ไม่ยากนัก