โดนคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ!อานนท์ ยันไม่กระทบเก้าอี้ปธ.สภาผู้ชมฯTPBS
ประธานสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการไทยพีบีเอส โดนศาลฎีกาฯพิพากษาว่ามีความผิด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขณะดำรงตำแหน่ง รองนายก. อบต.ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้จำคุก 2 เดือน แต่รอลงอาญา ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี แต่เจ้าตัวยันไม่กระทบเก้าอี้ อ้างระเบียบไม่กำหนดเรื่องจริยธรรม กรรมการนโยบายทราบเรื่องแล้ว
จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อปลายปี 2559 ในคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จำนวน 17 คดีในจำนวนมี นายอานท์ มีศรี อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.)นาเขลียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช(มีคำพิพากษาลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559) มีคำพิพากษาห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีหรือดำรงตำแหน่งใดๆในพรรคการเมือง 5 ปี นับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่พ้นตำแหน่ง ให้จำคุกกระทงละ 2 ปี ปรับ 8,000 บาท กระทำผิด 2 กระทง จำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำให้รอกำหนดโทษ 1 ปี (อ่านประกอบ ศาลฎีกาฯโชว์เชือดอีกลอต! 17 นักการเมืองท้องถิ่น 13 จ. ซุกบัญชีทรัพย์สิน)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นอกจาก นายอานนท์ เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว นายอานนท์ ยังเป็นประธานสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ แห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)หรือไทยพีบีเอสซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่งถึงสิ้นปี 2560
ทั้งนี้ สภาผู้ชมฯจัดตั้งตามพระราชบัญญัติส.ส.ท. พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการ จำนวนไม่เกิน 50 คน เพื่อเป็นช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนกับสื่อสาธารณะ สำหรับบทบาทหน้าที่ของสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการนั้น มีหน้าที่ ติดตามรายการของทางไทยพีบีเอส และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ชมทั่วประเทศ แล้วสะท้อนความต้องการของผู้ชมกลับมายังไทยพีบีเอสเพื่อนำไปพัฒนารายการและข่าวให้ตรงตามความต้องการของผู้ชม
(ดูรายละเอียด http://sapa.thaipbs.or.th)
แหล่งข่าวระดับสูงในไทยพีบีเอส กล่าวว่า ทางผู้บริหารของไทยพีบีเอสทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อดูจากระเบียบ ส.ส.ท.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานของสภาผู้ชมฯ พ.ศ.2558 เกี่ยวกับคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้ชมฯ แล้วไม่ชัดเจนว่า เมื่อถูกศาลฎีกาฯพิพากษาว่า มีความผิด กรณีไม่จงใจแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว ต้องพ้นจากตำแหน่งเหมือนกรณีร่ำรวยผิดปกติ แต่ไม่ได้กำหนดเรื่องจริยธรรมของสมาชิกไว้ เรื่องนี้แล้ว แต่นายอานนท์ว่า จะแสดงสปิริตหรือไม่ อย่างไร
ด้านนายอานนท์ ยืนยันว่า คำพิพากษาดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อตำแหน่งประธานสภาผู้ชมฯ ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการนโยบายของ ส.ส.ท.ทราบเรื่องแล้ว เห็นว่า ระเบียบฯว่าด้วยสภาไม่มีการกำหนดเรื่องจริยธรรมไว้ เพราะสภาผู้ชมฯไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ไม่มีเงินเดือน เป็นจิตอาสา ที่เข้ามาทำงานให้ความเห็นและสะท้อนความเห็นต่อรายการของไทยพีบีเอสเท่านั้น
"ผมไม่ยึดติดอยู่แล้ว จะออกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องมีใครมากดดัน" นายอานนท์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบ ส.ส.ท.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานของสภาผู้ชมฯ พ.ศ.2558 ข้อ 11 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามที่น่าสนใจดังนี้
11.3 ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสุจริต
11.4 ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากงานเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือถือว่า กระทำทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบในการปฏิบัติงานในภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และ/หรือไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ