นพ.แท้จริง ชี้รถตู้ แพะอุบัติเหตุปี 59 ยันสถิติ 80% เกิดจากมอเตอร์ไซต์
นพ.แท้จริง ยันอุบัติเหตุบนถนนกว่า 80% เกิดขึ้นกับมอเตอร์ไซค์ ชี้รณรงค์ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้ผล เพราะคนยังไม่เห็นความสำคัญ แนะลดอุบัติเหตุทางถนน ควรมีปัจจัยอื่นเข้ามาร่วม เช่น การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย บังคับติดกล้องหน้ารถ เป็นต้น
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 ม.ค.60 เกิดเหตุการณ์รถตู้จากจันทบุรีมุ่งหน้า กทม.ชนประสานงานกับรถกระบะเกิดไฟลุกท่วมทั้ง 2 คัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 ศพ และมีผู้รอดชีวิต 2 ราย ทำให้เกิดเหตุวิจารณ์ถึงคุณสมบัติของรถตู้ว่า เหมาะสมในการวิ่งรับส่งคนหรือไม่ กระทั่งภาครัฐมีแผนการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ ด้วยการเปลี่ยนไปเป็นรถไมโครบัส หวังลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุของรถสาธารณะที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากรถตู้หรือมอเตอร์ไซต์ รถตู้ถ้าจอดอยู่เฉยๆ จะไปชนใครที่ไหนได้ ถ้าไม่มีคนห่วยๆไปขับ ฉะนั้น การมาแก้ที่รถตู้ว่า ต้องทำให้รถตู้ปลอดภัย ต้องเปลี่ยนรถตู้มาเป็นรถไมโครบัส แต่ถ้ายังเอาคนขับรถห่วยๆมาขับก็ยังเกิดอุบัติเหตุเหมือนเดิม และจะหาแพะรับบาปไปเรื่อยๆ
"ปี 2558 แพะคือมอเตอร์ไซต์ ปี 2559 แพะคือรถตู้ โดยนักวิชาการก็บอกต้องทำรถตู้ให้ปลอดภัยต้องมีประตูเปิด 2 ข้าง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ" นพ.แท้จริง กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรากำลังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด การรณรงค์หรือให้ตำรวจออกมาตั้งด่านก็ไม่ใช่การแก้ปัญหา ถ้าได้ผลจริงทำไมถึงมีคนเสียชีวิตเพิ่ม จึงอยากจะเสนอให้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 แต่มาตรการที่ใช้ในวันนี้เป็นยังอยู่ในยุค 1.0 เหมือนกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากปัจจุบันยังมี 7 วันอันตราย เมาไม่ขับ ขับไม่ง่วง แต่ทุกวันนี้ที่เกิดอุบัติเหตุเพราะสังคมไทยเอื้อให้เกิดอุบัติเหตุ สังคมไทยไม่สนใจที่จะทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง สังคมไทยเหมือนทำเรื่องนี้ให้เสร็จๆ ไป มีการทำงานแค่ 14 วัน คือปีใหม่กับสงกรานต์ ส่วนอีก 300 กว่าวันไม่ทำอะไรเลย
นพ.แท้จริง กล่าวอีกว่า "ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะสั่งว่า ถ้ามีใครขับรถผิดกฎจราจรให้นำภาพเข้ามาแจ้งแล้วจะมีรางวัลให้ ถ้าสงกรานต์นี้มีการติดกล้องบนรถ 100 % จะมีคนตายไม่เกิน 200 คน เพราะทุกคนจะระวังในการขับรถมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการขับรถจะถูกบันทึกไว้ตลอดเวลาที่คุณขับขี่ หากใครกระทำผิดกฎจราจรก็จะมีหลักฐานมายืนยัน การที่รัฐบาลมีม.44 อยู่ในมือทำไมไม่ออกกฎหมายให้ประชาชนทุกคนที่มีรถต้องติดกล้องหน้ารถทุกคัน กฎหมายแบบนี้ไม่ได้ยากเลย ทุกคนสามารถเป็นตำรวจบนท้องถนนได้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน"
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงกรณีที่เคยรณรงค์ให้คนขี่มอเตอร์ไซด์ คนซ้อนท้ายใส่หมวกกันน็อค แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะคนกลุ่มนั้นมองว่า การใส่หมวกกันน็อคเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญเหมือนกับคนสูบบุหรี่ รู้ว่า สูบแล้วเป็นมะเร็งก็ยังสูบ เพราะฉะนั้นการรณรงค์อย่างเดียวได้ผลแค่ระดับหนึ่ง ถ้าอยากจะให้ผลจะต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาร่วมด้วย เช่น การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันคิดว่ายังไม่มีการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการไม่สวมหมวกกันน็อคมากพอ
"ปี 2559 ที่ผ่านมาสถิติชี้ว่า มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเพราะอุบัติเหตุประมาณ 2 หมื่นราย ซึ่งอุบัติเหตุเกิดจากมอเตอร์ไซต์ถึง 80 % คิดเป็น 1.6 หมื่นราย ดังนั้นหากทำให้คนสวมหมวกกันน๊อคให้ได้ 100 % จะสามารถลดการเสียชีวิตอย่างน้อย 50 % หรือประมาณ 8,000 คนต่อปี"
นพ.แท้จริง กล่าวต่อว่า ส่วนของวินมอเตอร์ไซค์ กรณีที่ผู้โดยสารซ้อนท้ายไม่ใส่หมวกกันน็อคนั้น ตามจริงเป็นหน้าที่ของผู้ใช้บริการไม่ใช่หน้าที่ของผู้ให้บริการ เพราะเป็นความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเองต้องจัดหาหมวกกันน็อคไปใส่เอง เหมือนกับเวลาเดินทางโดยเรือ ถ้ากลัวจมน้ำก็ต้องไปเรียนว่ายน้ำ
"ผมเคยทำแล้วโดยการแจกหมวกอาบน้ำเพื่อกันสิ่งสกปรก เพราะมีคนบอกที่ไม่ใส่หมวกของวินมอไซต์ก็เพราะมันสกปรก แต่แจกแล้วก็ไม่มีคนใส่อยู่ดีแล้วพอไม่ใส่ กฎหมายก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะมนุษย์เลือกไม่ใส่เอาสบายไว้ก่อน ทุกวันนี้ 80 % ของอุบัติเหตุที่เกิด มาจากมอเตอร์ไซด์"
ขอบคุณภาพจาก : thaihealth