จำนำข้าว-จีทูจีเก๊-สลาย พธม.! จับตาคดีสำคัญปิดฉากปี’60-จ่อคิวเพียบ?
ขมวดสาระสำคัญ 3 คดีใหญ่รอปิดฉากปี 2560 ‘จำนำข้าว’ กล่าวหา ‘ยิ่งลักษณ์’ ศาลกำชับไต่สวนพยานจำเลยให้เสร็จ 21 ก.ค. 60 เลื่อนมากกว่านี้ไม่ได้ รอดูไต่สวน ‘หม่อมเต่านา’ ปมขู่อัยการด้วย ‘ระบายข้าวจีทูจีเก๊’ จับตาท่าที ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ถ้าได้ประกันคดียักยอกข้าวรัฐจะเผ่นหรือไม่ ‘สลายพันธมิตรฯปี’51’ รอลุ้น ป.ป.ช. สู้หรือถอย ช่วยใครบางคนหรือเปล่า
ในรอบปี 2559 ที่ผ่านมา สารพัดคดีในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ‘ศาลนักการเมือง’ ที่ถูกกล่าวหาพัวพันการทุจริต-ปกปิดการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือร่ำรวยผิดปกติ มีหลายคดีศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว หลายคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนซึ่งงวดเข้ามาทุกขณะ
โดยเฉพาะ 3 คดีสำคัญที่มีอดีตนักการเมืองใหญ่ถูกกล่าวหา ได้แก่
1.คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
2.คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ
3.คดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551
ทั้ง 3 คดี ค่อนข้างมีความชัดเจนว่า ภายในปี 2560 อาจได้ฟังคำพิพากษาจากศาล ?
โดยเฉพาะคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่องค์คณะผู้พิพากษาสั่งกำชับให้ไต่สวนพยานให้ทันภายในวันที่ 21 ก.ค. 2560 นั่นหมายความว่า อาจได้ฟังคำพิพากษาในคดีนี้ช่วงปลายปี 2560 ค่อนข้างแน่
เพื่อให้สาธารณชนทราบความคืบหน้ามากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปแต่ละคดีให้ทราบ ดังนี้
หนึ่ง คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
คดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โดย ป.ป.ช. ได้อ้างอิงตัวเลขความเสียหายสูงถึงกว่า 5 แสนล้านบาท
สาระสำคัญคดีนี้มีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลย จนทำให้โครงการนี้เกิดความเสียหายหรือไม่ ประเด็นที่สอง โครงการนี้มีการทุจริต และทำให้เกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่
ในปี 2559 ที่ผ่านมานั้น ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้วครบทุกปาก จากทั้งหมด 14 ปาก ส่วนพยานฝ่ายจำเลยไต่สวนไปแล้วหลายปากเช่นกัน จากทั้งหมดประมาณ 42 ปาก
โดยมีพยานคนสำคัญ ๆ เช่น นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นพยานฝ่ายโจทก์ ในฐานะเป็นหัวหอกคนสำคัญในการคำนวณความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โดยให้การยืนยันในชั้นศาลว่า โครงการนี้มีความเสียหายสูงถึงอย่างน้อย 2.8 แสนล้านบาท กระทั่งล่าสุดนำมาสู่บทสรุปของการคำนวณความเสียหายของคณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 20% ความเสียหายทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะไปเรียกเก็บกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐตัวเล็กตัวน้อย ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการ ‘เหวี่ยงแห’ หาคนรับผิดชอบ โดยมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการ
(อ่านประกอบ : ทนาย‘ปู’หวั่นศาลซักคดีข้าว! ‘จิรชัย’ ย้ำกลบหนี้แล้วจำนำเจ๊ง 2.8 แสนล., ปัญหาเกิดจากฝ่ายปฏิบัติ! ‘ยิ่งลักษณ์’ แจงศาลคดีข้าว-ลั่นสอบทุจริตแล้วไม่เจอ)
ส่วนพยานฝ่ายจำเลยคนสำคัญ ๆ เช่น นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นพยานฝ่ายจำเลย ที่การันตีให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า โครงการรับจำนำข้าวคือการช่วยชาวนา เหมือน ๆ กันกับพยานฝ่ายจำเลยคนอื่น ๆ
ขณะที่นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์) และอดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พยานฝ่ายจำเลย ยืนยันต่อศาลเช่นกันว่า โครงการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งให้ตรวจสอบการทุจริตขึ้นตลอดเวลา และมีมาตรการป้องกันการทุจริตแล้ว
(อ่านประกอบ : ‘บิ๊กซีพี’การันตีจำนำข้าวช่วยชาวนา-ปัดปมสัมพันธ์เครือญาติแกนนำ พท.เอื้อ ปย., ไขที่มา‘วีระวุฒิ’ฉบับ‘สุรนันทน์’ไฉนได้รับความไว้ใจนั่งเลขาฯ รมต.พาณิชย์ ?)
ล่าสุด ศาลฎีกาฯ สั่งกำชับให้ทนายฝ่ายจำเลย บริหารจัดการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยอย่างไรก็ได้ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 ก.ค. 2560 เนื่องจากตามระบบราชการของศาลไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ไกลกว่านี้แล้ว
(อ่านประกอบ : ขีดเส้น ก.ค. 60 คดีข้าว‘ปู’สอบพยานต้องเสร็จ-เรียก‘หม่อมเต่านา’แจงปมขู่อัยการ)
นอกเหนือจากสาระสำคัญในคดีนี้แล้ว ยังมีคดีย่อยเข้ามาแทรกอีก คือกรณี ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล และนายธรรศ วันพฤหัส อดีตเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ของ กมธ.การศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกกล่าวหาว่า ข่มขู่คุกคามอัยการ โดยศาลฎีกาฯได้ตั้งองค์คณะไต่สวนขึ้นใหม่ นัดครั้งแรกวันที่ 17 ม.ค. 2560 ปัจจุบันออกหมายจับนายธรรศไปแล้ว เนื่องจากไม่ยอมมาชี้แจงตามคำสั่งศาล
(อ่านประกอบ : ศาลฎีกาฯนัดไต่สวน‘เต่านา-อดีตเลขาฯอนุกมธ.ศาสนา’ปมขู่อัยการ 17 ม.ค.)
สอง คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ
คดีนี้ อสส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พ่วงด้วยอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ เช่น นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงบรรดาเอกชนเครือข่าย ‘เสี่ยเปี๋ยง’ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตีส์ จำกัด รวมถึงเอกชนรายเล็กรายน้อย รวมมีจำเลย 28 ราย ไม่นับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และนายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของนายอภิชาติ ที่ปัจจุบันหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาฯ
ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า ระบายข้าวแบบจีทูจีโดยมิชอบ โดย พ.ต.นพ.วีระวุฒิ นายมนัส กับข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ ‘ดีล’ กับรัฐวิสาหกิจประเทศจีน 2 แห่ง คือ GSSG และไห่หนานฯ เพื่อให้มาซื้อข้าวจากไทย ก่อนนำเสนอให้รัฐมนตรีเป็นผู้เห็นชอบ อย่างไรก็ดีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า ข้าวทั้งหมดไม่ได้มีการขายแบบจีทูจีให้กับตัวแทนรัฐวิสาหกิจของจีนจริง แต่มีการนำมาเวียนขายภายในประเทศ โดยเครือสยามอินดิก้าเป็นผู้ไปรับข้าวจากคลังสินค้า และนำเวียนขายให้กับเอกชนรายเล็กรายน้อยต่อ
สำหรับคดีนี้คีย์แมนสำคัญคือ ‘หมอโด่ง’ หรือ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ที่ว่ากันว่าเป็นเด็กของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่งที่มีอิทธิพลสูงมากในพรรคเพื่อไทย ส่งมาเป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เพื่อดูแลเกี่ยวกับการระบายข้าวโดยเฉพาะ ชื่อของ ‘หมอโด่ง’ ถูกรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์กล่าวอ้างหลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเรื่องสำคัญ ให้ไปถาม ‘หมอโด่ง’ ก่อน รวมถึงในการอนุมัติระบายข้าวจีทูจี ปรากฎชื่อของ ‘หมอโด่ง’ เป็นผู้เซ็นอนุมัติร่วมกับรัฐมนตรีด้วย
มีการข่าวแจ้งว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ หลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา แต่ปัจจุบันไม่มีข้อมูลว่า หลบหนีไปยังประเทศอื่นหรือไม่
สำหรับคดีนี้มีอยู่ 2 ประเด็นคือ ประเด็นแรก ตัวแทนรัฐวิสาหกิจจากจีนที่ทำสัญญาซื้อข้าวจีทูจี ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนจริงหรือไม่ ประเด็นที่สอง การขายข้าวจีทูจีดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ด้านการไต่สวนในชั้นศาลฎีกาฯ ปัจจุบันไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์เสร็จสิ้นครบทุกปากแล้ว จากทั้งหมดประมาณ 29 ปาก ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยไปแล้วหลายปาก จากทั้งหมดประมาณ 100 ปาก
โดยมีพยานปากสำคัญ เช่น นพ.วรงค์ เดชวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการระบายข้าวจีทูจี นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศคนปัจจุบัน และนางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ หัวหน้ากองบริหารค้าข้าวตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ เป็นพยานฝ่ายโจทก์ ต่างเบิกความตรงกันสรุปได้ว่า การขายข้าวจีทูจีระหว่างไทยกับจีน ต้องทำผ่าน COFCO ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจรายเดียวที่ได้รับมอบอำนาจจากจีน นอกจากนี้การขายข้าวจีทูจีไม่เคยมีการจ่ายเงินเป็นแคชเชียร์เช็คแบบในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำ
(อ่านประกอบ : อย่าโยนบาปให้ ขรก.! ‘วรงค์’ให้การคดีข้าวจีทูจีเก๊-พบพิรุธใหม่ในสัญญาขาย, ‘ทนายจำเลย’ซัก‘บิ๊กกรมการค้าฯ’ ตอบ! คดีข้าวจีทูจี-ไฉนนายกฯไม่รู้'คอฟโก'ตัวแทนจีน?)
อย่างไรก็ดีประเด็นเหล่านี้ นายบุญทรง นายภูมิ นายมนัส และนายฑิฆัมพร แก้ต่างสรุปได้ว่า การทำสัญญาขายข้าวจีทูจีกับจีน ตามกรอบยุทธศาสตร์ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำหนดว่าให้ขายให้กับตัวแทนรัฐวิสาหกิจของจีน ไม่ได้ระบุโดยตรงว่าต้องเป็น COFCO นอกจากนี้การขายข้าวดังกล่าวข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติเป็นผู้ไปดำเนินการทั้งหมด ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่าม รวมถึงการกล่าวหาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ได้ตรวจสอบหมดแล้ว ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : ขายข้าวจีทูจีขรก.พาณิชย์รู้ดีสุด! ‘บุญทรง-ภูมิ’แจงศาล-ลั่นสอบแล้วไร้โกง, นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว! อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊)
นอกเหนือจากสาระสำคัญในคดีที่ต้องสู้กันต่อไปนั้น ยังมีประเด็นยิบย่อยเสริมเข้ามา คือ กรณี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ก่อนหน้านี้ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาจำคุก 6 ปี และสั่งให้ชดใช้เงินประมาณ 229 ล้านบาท ข้อหายักยอกข้าวของรัฐสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เบื้องต้น ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ และส่งหนังสือชี้แจงต่อศาลฎีกาฯว่า ไม่สามารถเดินทางมาตามนัดไต่สวนได่ เนื่องจากป่วยเป็นโรคความดัน อย่างไรก็ดีศาลฎีกาฯพิจารณาแล้วเห็นว่า อาการป่วยดังกล่าวของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ไม่น่าหนักหนาสาหัสถึงขนาดมาศาลไม่ได้ จึงมีคำสั่งให้มาอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และให้มาศาลทุกนัด โดยมีผู้คุมคอยพาตัวมาศาลตลอด
ส่วนการชดใช้เงิน 229 ล้านบาทนั้น เครือญาติ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ได้ยื่นจ่ายเงินให้กับกระทรวงพาณิชย์ ต่อมากระทรวงพาณิชย์ยื่นเรื่องถึง อสส. เพื่อให้พิจารณา ล่าสุดมีข่าวว่า อสส. ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเสร็จแล้ว ดังนั้นต้องรอดูกันว่า ถ้า อสส. เห็นว่า ให้กระทรวงพาณิชย์ รับเงินค่าชดใช้ของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ แล้วเสร็จ อาจมีการพิจารณายอมความกัน ทำให้ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ จะหลุดพ้นจากคดีนี้ทันที เหลือเพียงชนักติดหลังอย่างเดียวคือ จำเลยในคดีระบายข้าวจีทูจีเก๊
ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อาจเดินตามรอย ‘หมอโด่ง’ หลบหนีไปต่างประเทศได้ ?
สาม คดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯปี 2551
คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นจำเลย กรณีถูกกล่าวหาว่า สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้ารัฐสภา ด้วยการใช้แก๊สน้ำตา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนเรื่อย ๆ ของศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว เหลือไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยอีกหลายปาก อย่างไรก็ดีบางครั้งพยานฝ่ายจำเลยหลายรายไม่มาศาล ฝ่ายโจทก์ก็ไม่ติดใจจะไต่สวนต่อ ปล่อยให้คดีนี้ดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งคาดว่าในปี 2560 น่าจะเสร็จสิ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่คาบเกี่ยวกับคือ นายสมชาย พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ถอนฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากมีหลักฐานใหม่ให้พิจารณา ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางทั้งจากสังคมภายนอก และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รวมถึงกรรมการ ป.ป.ช. บางรายไม่พอใจเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานใหม่สามารถส่งให้ศาลพิจารณาได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ ป.ป.ช. ถอนฟ้องคดี
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. คนปัจจุบัน อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นคำทำหนังสือชงเรื่องให้เจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย และสำนักคดี ป.ป.ช. พิจารณา เบื้องต้นโดนคัดค้าน ต่อมามีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะทำงานฯ สรุปแล้วว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการถอนฟ้องเรื่องดังกล่าว และส่งเรื่องให้กับ พล.ต.อ.วัชรพล พิจารณาเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไป และไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมาอีก
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. อธิบายสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า เรื่องนี้ไม่มีการขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงกันอีกในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะถูกกระแสสังคมภายนอก รวมถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หลายรายไม่ชอบใจ ดังนั้นจึงปล่อยให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาไต่สวนคดีต่อไปเอง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะไม่เข้าไปยุ่งอีก ส่วนจำเลยที่อ้างพยานหลักฐานใหม่ ให้นำไปยื่นให้ศาลพิจารณาเอง
ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของคนใน-คนนอกว่า คดีดังกล่าวในชั้นศาลฎีกาฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจไม่เทหมดหน้าตักเพื่อสู้คดีให้ถึงที่สุด แต่อาจทำแบบเช้าชาม-เย็นชาม ใครจะผิด หรือไม่ผิดก็ไม่ได้สนใจอะไร เหมือนโดนใบสั่งจาก ‘ใครบางคน’ ให้ช่วยเหลือจำเลย ‘บางคน’ อย่างลับ ๆ ?
(อ่านประกอบ : คณะทำงาน ป.ป.ช.เคาะแล้ว! ไม่ถอนฟ้องคดีสลายพธม.ชี้ไม่มีพยานหลักฐานใหม่, เบื้องหลัง! ค้าน ปธ.ป.ป.ช.ถอนฟ้องคดีสลายพธม.-ระวังซ้ำรอยชุดขึ้นเงินเดือน?)
ยังไม่นับคดีในชั้นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯแล้วหลายคดี เช่น คดีประดับไฟลานคนเมืองที่ใช้งบ 39.5 ล้านบาท โดยมิชอบ มีการกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. กับข้าราชการระดับสูงใน กทม. หลายราย คดีระบายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบจีทูจี มีการกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และเครือข่าย ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คดีระบายข้าวจีทูจีปี 2556 มีการกล่าวหา นายบุญทรง กับเครือข่าย ‘เสี่ยเปี๋ยง’ รวมถึงคดีระบายมันสำปะหลังรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ กับพวกยกคณะรัฐมนตรีรวม 32 ราย และข้าราชการ เบ็ดเสร็จ 43 ราย คดีประกันราคาข้าว มีการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เป็นต้น
คงต้องรอดูว่า ปีหน้า 3 คดีใหญ่จะ ‘ปิดฉาก’ ลงเมื่อไหร่ และคดีสำคัญอื่น ๆ ในชั้น ป.ป.ช. จะมีการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯเมื่อไหร่บ้าง ?