ร้อง ป.ป.ช.สอบ‘ปรีชา’ปมปลูกบ้านไม่แจ้งทรัพย์สิน ยันใช้เงินมรดก-ทำงานสร้าง
‘ศรีสุวรรณ’ ร้องเรียน ป.ป.ช. สอบ ‘พล.อ.ปรีชา’ ปมปลูกบ้าน จ.พิษณุโลก ไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ส่อเข้าข่ายปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ล่าสุด ‘บิ๊กติ๊ก’ ยันได้บ้านเลขที่แล้ว 115/99 ถ.ศรีคชคง ต.ในเมือง อ.เมือง เริ่มสร้างปี’57 ยันใช้เงินมรดก-ทำงานสร้าง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปลูกบ้านที่ จ.พิษณุโลก ระหว่างดำรงตำแหน่งโดยไม่ได้แจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ จึงอาจเข้าข่ายความผิดคือ จงใจปกปิดข้อเท็จจริงของทรัพย์สินที่ควรแจ้งให้ทราบตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 39 (15) ประกอบมาตรา 32, 33 และ 35 เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงให้ปรากฏ นอกจากนี้ ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ก่อนขณะไต่สวนด้วย
โดย เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า เนื่องจากว่าตามกฎหมายของ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง จะต้องยื่นหรือแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. โดยให้ยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่ง พล.อ.ปรีชา จะต้องดำเนินการยื่นภายใน 30 ต.ค. 2559 แต่ไม่ได้ยื่นดำเนินการต่อ ป.ป.ช. ถือว่าเข้าข่ายความผิดว่า จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินของตนเอง ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจที่จะดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานในสังคม สมาคมฯ จำเป็นต้องมายื่นกับ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างชัดเจน เนื่องจาก สมาคมฯ เห็นว่า จากข้อมูลเดิมที่เปิดเผยต่อ ป.ป.ช. ในการที่เข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อปี 2557 พ.ล.อ.ปรีชา ก็ไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินในเรื่องบ้านหลังนี้ด้วย แต่่เนื่องจากกฎหมาย ป.ป.ช. เขียนไว้ชัดเจนว่า ถ้ามีตำแหน่งอื่นก็ต้องยื่นด้วย
"เพราะฉะนั้นน การที่ พล.อ.ปรีชา มีตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย ก็จำเป็นที่เมื่อท่านเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมาก็จะต้องยื่นภายใน ต.ค. 2559 ทั้งนี้ พล.อ.ปรีชา ได้ให่สัมภาษณ์มาโดยตลอดว่า ยังสร้างบ้านไม่เสร็จจึงยังไม่ได้ยื่น และเมื่อสร้างบ้านเสร็จเเล้วจะมายื่น แต่ว่าโดยกฎหมายของ ป.ป.ช. เงื่อนไขของเวลากำหนดไว้ชัดเจนว่า เมื่อเกษยณฯ แล้วต้องยื่นภายใน 30 วัน เพราะถ้าไม่ยื่นก็เข้าฐานความผิด ซึ่งก็มีกรณีตัวอย่างของนักการเมืองรายอื่น ๆ อาทิ เจ๋ง ดอกจิก ที่ไม่ได้ยื่นภายในระยะเวลาที่ดำหนด ป.ป.ช. ก็ดำเนินการลงโทษไปตามกฎหมายของ ป.ป.ช. นอกจากนี้ ผมยื่นว่าท่านจงใจปกปิดทรัพย์สิน รวมทั้ง การเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของทรัพย์สิน จึงเข้าข่ายว่าร่ำรวยผิดปกติด้วย ซึ่งกรณีนี้ ป.ป.ช. ก็มีอำนาจที่จะสั่งอายัดบ้านหลังนี้ได้ด้วย ที่สำคัญคือ บ้านหลังนี้ไม่ได้ราคาหลักแสนบาท แต่คิดว่าหลายล้านบาท" นายศรีสุวรรณ กล่าวและว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้หากไม่ปรากฏเป็นข่าวขึ้นมาก่อน เชื่อว่า พล.อ.ปรีชา จะยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินในส่วนของบ้านหลังดังกล่าวนี้ต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า "ผมคิดว่าถ้าไม่เป็นข่าว ท่านก็คงจะเพิกเฉยต่อไป และก็ปล่อยเลยตามเลย แต่ถึงอย่างไรเสีย แม้ท่านจะมายื่นภายหลัง แต่เนื่องจากว่าโดยกฎหมายของ ป.ป.ช. ล็อคไว้โดยระยะเวลา คือ ต้องยื่นภายใน 30 วัน เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ ท่านไม่ยื่นภายใน 30 วันก็ถือว่าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเเล้ว ถือว่าความผิดสำเร็จเเล้ว"
ขณะที่ นายยงยุทธ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ลงมารับเรื่องดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า กรณีดังกล่าวที่แจ้งมาจะมีบัญชี กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่ง และจะยื่นอีกครั้งเมื่อพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถูกกล่าวหาเรื่อง ร่ำรวยผิดปกติ ด้วย เราก็ต้องดำเนินการกรณีนี้โดยแสวงกับไต่สวน ดูว่าชี้ช่องไหม ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องลงพื้นที่ดูต่อไป ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. ป.ป.ช. ปี 2542 แล้วหรือไม่ รองเลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า "อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจคนนู้นคนนี้เลยว่าผิด หรือไม่ผิด ต้องดูข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายอะไรอีกหลายอย่าง พอเป็นข่าวขึ้นมา อย่าเพิ่งว่าเขาผิด ต้องดูให้ชัวร์ก่อน ส่วนการอายัดทรัพย์ไว้ก่อนได้หรือไม่ นั้น จะต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งถ้าเกิดว่ามีพฤติการณ์ว่า จงใจโยกย้ายทรัพสินย์ถึงอายัดไว้ก่อน แต่กรณีนี้จะมีพฤติการณ์อย่างนั้นหรือเปล่า ต้องดูข้อเท็จจริงกันอีกทีหนึ่ง อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินอะไรกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้นับเป็นกรณีที่ 4 ที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาฯ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องเรียนในเรื่อง การแต่งตั้งลูกชายเข้ามเป็นนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ทั้งที่ ไม่ได้เรียนจบทหารมากินเงินเดือน และเรื่องภรรยาของ พล.อ.ปรีชา อาศัยตำแหน่งหน้าที่ของหน่วยงานราชการ ใช้ทรัพย์สินของราชการไปสร้างฝายแม้ว ทั้งที่ ตนเองเป็นนายกสมาคมซึ่งเป็นเอกชน และเรื่องที่ 3 คือเรื่องที่บุตรชายคนโตของ พล.อ.ปรีชา จัดตั้งบริษัทขึ้นในพื้นที่ค่ายทหารกองทัพภาคที่ 3 และนำไปประมูลงานของกองทัพภาคที่ 3 หน่วยงานใน จ.พิษณุโลก และใกล้เคียง วงเงินกว่า 199 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 ธ.ค. 2559 อ้างคำให้สัมภาษณ์ พล.อ.ปรีชา ถึงกรณีนี้ ระบุว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของตน ปลูกบนที่ดินที่ได้มาเมื่อปี 2554 เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2557 ปัจจุบันเสร็จแล้วประมาณ 90% เหลือตกแต่งอีกนิดหน่อย โดยใช้เงินที่ได้จากมรดก และเงินจากการทำงานปกติ บ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่เลขที่ 115/99 ถ.ศรีคชคง (ซ.พระองค์ขาว 5) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก อย่างไรก็ดี ระหว่างดำรงตำแหน่ง สนช. ยังไม่ต้องแจ้ง รอแจ้งตอนพ้นตำแหน่ง และพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี ตามข้อกฎหมายต่อไป
อ่านประกอบ :
ที่ดิน 12 แปลง‘ปรีชา-เมีย’มีแค่คอนโด 1 ห้อง ก่อนบ้านใหม่โผล่ไม่มีในบัญชีฯ ป.ป.ช.
หากมีร้องเรียนพร้อมตรวจข้อมูลเชิงลึก! เลขาฯ.ป.ป.ช.แจงกรณีบ้านใหม่ 'พล.อ.ปรีชา'
ยื่น ป.ป.ช.สอบ หจก.ลูก'ปรีชา'คว้างานกองทัพภาค 3-หน่วยงานรัฐ 155 ล.
ป.ป.ช.ยัน“ปรีชา”ยื่นทรัพย์สินถูกต้อง! ปมใส่เงินฝาก“เมีย-กองทัพภาค 3”
2 เงื่อนปม ป.ป.ช.ไม่สอบ‘เมียปรีชา’ เงินหมุนเวียนในบัญชีหลายสิบล.ไร้รายได้-ธุรกิจ?
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.ปรีชา จาก mthai