‘บิ๊กตู่’ท้าทายฝ่ายต้าน พ.ร.บ.คอมพ์ฯ! ไร้ความเห็น ขรก.รับเงินที่ปรึกษาเอกชน
‘บิ๊กตู่’ ย้ำ พ.ร.บ.คอมพ์ฯไม่ได้จ้องจับผิดประชาชน ชี้มีความจำเป็นเหตุเจอคำพูดบิดเบือน-ภาพโป๊ ถามกลับฝ่ายต้านถ้าไม่รู้จักคำว่าศีลธรรม ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้ว มั่นใจมาตรการรัฐ เว็บไม่มีล่ม พอใจปรับ ครม.ใหม่ ขอให้เชื่อมั่น อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ลั่นไม่มีวันปรับ ‘บิ๊กป้อม’ พ้นเก้าอี้ – ไม่มีความเห็นปม ขรก. รับเงินที่ปรึกษาเอกชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสาเหตุการปรับคณะรัฐมนตรีชุดที่ 4 ว่า มีความจำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่อยู่ระหว่างระยะที่ 2 ดังนั้นที่หลายฝ่ายเป็นกังวล ขอให้อย่ากังวล ทุกอย่างทำตามบทบาทภาระหน้าที่ ทั้งงานฟังค์ชั่น และงานนโยบาย ทั้งหมดหารือกันในระดับคณะรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มงานขับเคลื่อนโยบายทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และความมั่นคงประกอบด้วยในการทำงาน ขอให้เชื่อมั่นในบุคลากร ทั้งทหาร ข้าราชการ พลเรือน เพราะทั้งหมดบริหารภายในกรอบแห่งความร่วมมือ ไม่ใช่ปิดกั้นข้าราชการ ประชาชน นักการเมือง ภาคเอกชน แต่มีการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
“ขออย่าแบ่งแยกว่าเป็นทหาร หรือข้าราชการจะทำงานได้ดีกว่ากัน ถ้าทำงานมีหลักการ ตามกรอบยุทธศาสตร์ชัดเจน ไม่ยุ่งยาก ก็ทำงานได้ ความเข้าใจตรงนี้ต้องทำงานให้ง่ายขึ้น ต้องตอบคำถามสังคมให้ โดยเฉพาะปัญหาใกล้ตัว หลายอย่างทำสำเร็จได้ หลายอย่างต้องใช้เวลา ใช้การขับเคลื่อนในเชิงยุทธศาสตร์ให้มากขึ้น วันนี้มีการปรับความรับผิดชอบของรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าสถานการณ์ปัจจุบัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า พอใจกับการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะไว้ใจทุกคน ขออย่ามองแค่ตัวบุคคล หรือมองแค่เรื่องการเมือง ให้มองวิธีการบริหารที่รัฐบาลกำลังจะแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น และบริหารจัดการให้ประเทศได้ประโยชน์ ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าจะปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นั้น ยืนยันว่า ไม่เคยคิดปรับ พล.อ.ประวิตร ทำงานอยู่ ไม่มีบกพร่อง และยังไงก็คิดจะปรับออกจากคณะรัฐมนตรีแน่นอน
@ยัน พ.ร.บ.คอมพ์ฯไม่ได้จ้องจับผิด ปชช.-ถามฝ่ายต้านถ้าไม่รู้จักศีลธรรม ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้ว
ส่วนกรณีการต่อต้านการบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ .. พ.ศ. …. ที่ผ่านมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าให้ความสำคัญมากในขณะนี้ คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น ส่วนพวกที่คัดค้านต่อต้าน ถามกลับไปว่าเข้าใจหรือยัง บางคนโพสต์แล้วกดไลค์กันไปเรื่อย ไม่ได้ดูสาระข้างใน ทั้งที่มีการอธิบายความหมายแล้ว หลายคนสงสัยว่าประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธ เมื่อเขียนว่าศีลธรรมอันดี ไม่รู้จักกันเหรอ (พล.อ.ประยุทธ์ หันไปถามผู้สื่อข่าวว่ารู้จักหรือไม่ ผู้สื่อข่าวตอบว่ารู้จัก) ถ้ารู้จักก็อย่ามีปัญหามาก การทำผิดศีลธรรม ความสงบเรียบร้อย ถ้าไม่เข้าใจคำนี้ ไม่ต้องทำอย่างอื่นหรอก
“ถามมา ถามกลับว่า เป็นคนที่ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่าผม เห็นอันตรายหรือไม่ ไม่ว่าขายยาเถื่อน ภาพโป๊ หรือคำพูดไม่เหมาะสม หมิ่นประมาท บิดเบือน สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่รัฐบาลจ้องจับผิดใครตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องจะพิจารณาว่า เรื่องใดสำคัญเร่งด่วนที่ทำให้สังคมเกิดความถูกต้อง ให้คณะกรรมการฯพิจารณา ถ้าไม่ไว้ใจคณะกรรมการฯ กฎหมายจะเดินไปทางไหน ต้องมีคนทำงาน ต้องดูการแต่งตั้งว่าเหมาะสมหรือไม่ มีคุณวุฒิหรือไม่ ไม่ใช่การจ้องจับผิด การเฝ้าระวังโซเชียลมีเดีย ไม่มีใครอยากทำ มันเหนื่อย มันไม่ทัน อยู่ที่สังคมช่วยกันปกป้องกันอย่างไรในทุกโอกาส มันอันตราย ทั้งวิกฤติและโอกาสในระบบโซเชียลมีเดีย โลกวันนี้ใช้เทคโนโลยี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การประกาศว่า จะโจมตีเว็บไซต์รัฐบาล ขอบอกว่ารัฐบาลมีมาตรการต่าง ๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว อย่าให้เครดิตมาก บอกล้มโน่นนี่ได้ ล้มไม่ได้หรอก เพียงแต่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นทำงานต่อได้ การจะล้วงระบบต่าง ๆ มันไม่ง่าย มีระบบรองรับหลายอย่าง โดยเฉพาะระบบการเงินการคลังที่ใช้กันหลายประเทศทั่วโลก ถ้ามาตรการเหล่านี้แก้ไม่ได้ ก็วุ่นวายทั้งโลกแล้ว ดังนั้นความสับสนวุ่นวายเหล่านี้มีหลายมติ ถ้าไม่มีมาตรการดูแลเพียงพอ
@ปัดเร่งรัดคดีบ้านเอื้ออาทร แต่ทำทุกคดีสำคัญที่ค้างอยู่-ไม่มีความเห็นปม ขรก.รับเงินที่ปรึกษาเอกชน
ส่วนกรณีการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประชุมตามวาระ ติดตามความก้าวหน้าคดีต่าง ๆ สั่งให้ทำทุกคดี ยกตัวอย่างคดีที่มีผลกระทบ เช่น ปัจจุบันทำเรื่องโครงการบ้านประชารัฐ ก็พิจารณาดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ผ่านมา 12 ปี เพิ่งแก้ปัญหาเรื่องแฟลตดินแดงได้ และจะทำอีกหลายสิ่งที่ประชาชนพอใจ ถามว่าอยากให้เกิดแบบเดิมหรือไม่ ดังนั้นต้องทำความชัดเจนว่า โครงการที่ผ่านมา ทำไมทำไม่สำเร็จ เกิดเป็นคดีความ เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดปัญหาอีก
“ไม่ได้จ้องจับผิดใคร ญาติพี่น้องใครอยู่ในนี้ เกี่ยวข้องกับคดีบ้านเอื้ออาทรหรือไม่ มีใครหรือไม่ คดีใด หรือคดีใหญ่ที่ค้างคาเป็นไปตามนั้น เรื่องกระบวนการยุติธรรม เตือนไว้เฉย ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีข้าราชการรับเงินเดือนเป็นค่าที่ปรึกษาจากบริษัทเอกชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีความคิดเห็น กฎหมายทำได้หรือไม่ ให้ว่าไปตามกฏหมาย
(อ่านประกอบ : จี้‘บิ๊กตู่’ใช้ ม.44 ย้าย‘ศานิตย์’! ร้อง ป.ป.ช. สอบปมรับเงินค่าที่ปรึกษาไทยเบฟฯ, บี้‘ศานิตย์’ไขก๊อก ผบช.น.-สนช.! ร้องผู้ตรวจฯสอบปมรับเงินที่ปรึกษาไทยเบฟฯ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรับวิธีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนใหม่ โดยให้ตัวแทนสื่อมวลชนรวบรวมคำถามส่งให้ทีมโฆษกรัฐบาล เพื่อนำเรียน พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะตอบคำถามดังกล่าว