ร่าง พ.ร.บ.องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคผ่านวุฒิสภา แต่ไม่ให้เป็นตัวแทนฟ้องแทน
วุฒิสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.องค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภค หลังรอนาน 14 ปี เพิ่มงบหนุนเป็น 5 บาทต่อหัว แต่ไม่ให้ฟ้องคดีแทนผู้บริโภค หวังผ่าน ส.ส.เตรียมเดินหน้าคุมโฆษณาลวงทางวิทยุชุมชน เคเบิ้ล โซเชียลมีเดีย
วันที่ 31 ม.ค. 55 ที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่) พ.ศ... มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ. 3 วาระรวด ด้วยคะแนนเสียง 82 เสียงต่อ 7เสียง งดออกเสียง 2เสียง โดย นายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เปิดเผยว่าการพิจารณาในชั้นวุฒิสภา ได้เพิ่มงบประมาณดำเนินการขององค์การอิสระฯ จาก 3 บาทเป็น 5 บาทต่อหัวประชากร
“ส่วนการฟ้องคดีที่คณะกรรมาธิการแก้ไขเมื่อวุฒิสภาไม่เห็นด้วยก็น่าเสียดาย แต่เป็นประเด็นที่ทั้งชั้น สส. และสว.เห็นตรงกัน ถึงแม้องค์การนี้จะไม่สามารถฟ้องคดีได้ ก็สามารถสนับสนุนให้ผู้บริโภคตื่นตัว ใช้สิทธิของตนเองและสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคอื่นๆฟ้องแทนผู้บริโภคได้” นายสมชาย กล่าว
ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่องค์การอิสระฯ ผ่านวุฒิสภา เพราะองค์การนี้จะทำหน้าที่สำคัญ เช่น ให้ความเห็นเพื่อให้มีการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ตรวจสอบหน่วยงานรัฐให้คุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก ดูแลผู้ประกอบการเป็นรอง คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลที่เป็นจริงพร้อมชื่อสินค้าที่มีปัญหา
“และจะสนับสนุนให้รู้เท่าทันการตลาดสินค้าและบริการ หากใครฟังวิทยุชุมชน ดูเคเบิ๊ลทีวี หรือใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลาย ก็จะเห็นว่าการโฆษณาที่เกินจริงเป็นเท็จเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ว่าจากกรณีป้าเช็ง น้ำผลไม้รักษาโรค ยาลดความอ้วน สินค้าความงาม อาหารเสริมอ้างสรรพคุณเป็นยารักษาโรค เป็นต้น” น.ส.สารี กล่าว
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยังกล่าวว่า รู้รู้สึกผิดหวังที่วุฒิสภาไม่ให้องค์การอิสระฯทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนผู้บริโภค เพราะกังวลเรื่องการฟ้องร้องแพทย์ ทั้งที่กฎหมายเขียนให้ฟ้องคดีแทนผู้บริโภคในกรณีที่เป็นประโยชน์สาธารณะ หากพิจารณาในปัจจุบันองค์กรผู้บริโภคหรือผู้บริโภคก็สามารถฟ้องคดีได้ด้วยตนเอง แต่องค์การอิสระคุ้มครองผู้บริโภคระดับประเทศไม่สามารถฟ้องคดีได้
“วุฒิฯบางท่านอาจเข้าใจผิดว่ากฎหมายนี้เป็นของเอ็นจีโอ ซึ่งไม่ใช่ แต่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหวังว่า ส.ส.จะเห็นชอบตามที่วุฒิสภาแก้ไขถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนสาระในกฎหมายบ้าง แต่ก็เพื่อให้องค์กรนี้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสตรวจสอบได้ และหากกระทำไม่ถูกต้องก็มีความผิด ตรวจสอบการทำงานขององค์กรนี้ได้มากขึ้น แต่หาก สส. ไม่เห็นชอบก็จะล่าช้าไปอีกในการที่จะมีองค์กรนี้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 61” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าว .
ที่มาภาพ : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/featured/9444