สวนทางศาล ปค.! ป.ป.ช.ตีตกคดีอดีตปลัดสำนักนายกฯย้ายรองปลัดฯนั่งผู้ตรวจฯ มท.
ป.ป.ช. ตีตกคดีกล่าวหา ‘จุลยุทธ์ หิรัญวิศิษฐ์’ อดีตปลัดสำนักนายกฯ ยินยอมให้ย้าย ‘จาดุร อภิชาตบุตร’ รองปลัดฯ ไปนั่งผู้ตรวจราชการ มท. เหตุพยานหลักฐานไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าผิดจริง สวนทางคำพิพากษาศาล ปค. ชี้คนเกี่ยวข้องที่สั่งย้ายทำไม่ชอบด้วยกฏหมาย ขัดขวางการก้าวหน้าทางวิชาชีพราชการ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตีตกคดีของนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต หรือจุลยุทธ์ หิรัญวิศิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่า ยินยอมให้โอนย้ายนายจาดุร อภิชาตบุตร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย โดยไม่ได้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และไม่ได้คำนึงถึงหลักคุณธรรม
กรณีนี้มีการกล่าวหาว่า ขณะที่นายจุลยุทธ์ ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้บังคับบัญชาของนายจาดุร ได้ยินยอมให้มีการโอนนายจาดุร จากตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย โดยใช้ดุลพินิจไม่สุจริต เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว นายจุลยุทธ์ ได้มอบหมายให้นายจาดุร เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นหัวหน้าคณะในการศึกษาดูงานตามโครงการอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์ และภาพนิ่งส่วนพระองค์ ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-11 ก.ย. 2551 ณ ประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี
ซึ่งนายจุลยุทธ์ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงย่อมทราบระเบียบ กฎ ข้อบังคับ เป็นอย่างดี แต่ไม่ได้ใช้วิจารณาญาณในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และไม่ได้คำนึงถึงหลักคุณธรรมในการโอนนายจาดุร ก่อให้เกิดความเสียหายในตำแหน่งหน้าที่ราชการ เนื่องจากนายจาดุรเป็นผู้มีอาวุโสลำดับที่ 1 และมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่ราชการต่อไปในการดำรงตำแหน่งที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และในขณะนั้นนายจาดุร ยังเหลืออายุราชการอีก 4 ปี และนายจุลยุทธ์ ย่อมจะต้องทราบเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี ประกอบกับการดำเนินการเพื่อโอนนายจาดุร ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย มีการดำเนินการที่รวดเร็วผิดปกติ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายจุลยุทธ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่นายจาดุร ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 ก.ย. 2551 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ที่ให้นายจาดุร พ้นจากตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2551 และให้กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งบริหารมีอำนาจบังคับบัญชาลูกน้องรองจากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบการปฏิบัติงาน สั่ง และปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในสำนักนายกรัฐมนตรี รองจากนายกรัฐมนตรี ตามที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ส่วนตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการตรวจราชการจำกัดเฉพาะส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
จึงเห็นว่า แม้จะเป็นการโอนมาดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามที่อ้าง แต่บทบาทหน้าที่ และศักดิ์ศรีของตำแหน่งทั้งสองไม่เท่ากัน เพราะจากกฎหมาย ระเบียบ และข้อกำหนด เห็นได้ว่า รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีบทบาทหน้าที่ และศักดิ์ศรีของตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และเป็นการลดระดับความก้าวหน้าในวิชาชีพราชการ
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นได้ว่า ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขอโอนนายจาดุร ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยนั้น เป็นการโอนย้ายที่ไม่เป็นธรรมต่อนายจาดุร ดังนั้นการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายจาดุรไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จึงเป็นการใช้ดุลพินิจอันมิชอบ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฏหมาย
ต่อมาเมื่อปี 2554 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้คืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแก่นายจาดุร เช่นกัน