ผู้นำแรงงานชี้ ตัวเลขตกงานจากน้ำท่วม “ลวงตา” ไม่ใช่ 2.8 แต่เป็น 5 หมื่นคน
ก.แรงงานเผยตัวเลขเลิกจ้างจากน้ำท่วม 2.8 หมื่นราย ด้านเครือข่ายแรงงานชี้ยอดตกงานจริงคือ 5 หมื่นคนตามจำนวนผู้ลงทะเบียนรับสิทธิทดแทนว่างงาน เผยเล่ห์นายจ้างลดชั่วโมงงานบีบให้ลาออก
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 54 มีผู้ประกันตนมาขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน 5 หมื่นคน โดยลาออกจากงานเนื่องจากต้องการเปลี่ยนงานใหม่ ได้ค่าจ้างหรือรายได้ลดลงจากการที่นายจ้างลดชั่วโมงการทำงาน และลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพและครอบครัว ซึ่งเมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. ตัวเลขผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพิ่มขึ้น 5.09% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 พบว่าตัวเลขสูงขึ้นถึง 56.09%
นอกจากนี้ ตัวเลขการเลิกจ้าง ณ วันที่ 27 ม.ค. มีแรงงานประสบภัยน้ำท่วมถูกเลิกจ้าง 2.8 หมื่นคน ขณะที่ผู้ประกันตนมาตรา 33 เดือน พ.ย.- ธ.ค. 54 ลดลงกว่า 7.22 หมื่นคน จาก 9.12 ล้านคนเหลือ 9.05 ล้านคน
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่าตัวเลขเลิกจ้างมีจำนวนต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะยังมีแรงงานอีกส่วนหนึ่งถูกนายจ้างใช้เล่ห์เหลี่ยมบีบให้ลาออกเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง เช่น การงดทำโอที การตัดสวัสดิการต่างๆ ให้ย้ายไปทำงานโรงงานในเครือที่อยู่ต่างจังหวัด หรือไม่ติดต่อลูกจ้างให้กลับเข้าทำงานแม้น้ำท่วมจะคลี่คลายก็ตาม ทั้งนี้เมื่อแรงงานมีรายได้ลดลงก็ต้องลาออกเพื่อหางานใหม่ หรือลูกจ้างที่ไม่ได้รับการติดต่อให้กลับเข้าทำงานก็ต้องลาออกเช่นกัน เพราะหากไม่ลาออกก็ไม่สามารถไปสมัครงานที่อื่นได้เพราะชื่อยังปรากฏในฐานข้อมูลประกันสังคมว่ายังทำงานที่เดิมนั่นเอง
ทั้งนี้ คสรท.ประเมินว่า มีแรงงานที่ถูกเลิกจ้างแฝง หรือถูกบีบให้ลาออกด้วยตัวเองประมาณ 5 หมื่นคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับผู้ขอรับสิทธิ์ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเช่นกัน
นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตัวเลขผู้ประกันตนที่ลดลงนั้น คาดว่าเกิดจากนายจ้างติดขัดเรื่องน้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถนำส่งเงินสมทบประกันสังคมแก่ลูกจ้างได้ อย่างไรก็ตามลูกจ้างยังคงได้สิทธิตามเดิมและคาดว่าในอีก 2-3 เดือน นายจ้างจะกลับมานำส่งเงินสมทบตามปกติ
ขณะเดียวกัน กองวิจัยตลาดแรงงาน ระบุว่า ภาพรวมทั้งประเทศมีตำแหน่งงานที่ยังไม่ได้รับการบรรจุ 6.9 หมื่นอัตรา แบ่งเป็นภาคกลาง 3.1 หมื่นอัตรา ภาคตะวันออก 1.7 หมื่นอัตรา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7,675 อัตรา ภาคเหนือ 6,142 อัตรา ภาคตะวันตก 3,539 อัตรา และภาคใต้ 3,170 อัตรา ส่วนใหญ่เป็นงานด้านการผลิต พนักงานขาย และช่างเย็บผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ฯลฯ .