“กานต์ ตระกูลฮุน” ชี้วัฒนธรรมองค์กรมีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิดสร้างสรรค์
ปธ.ที่ปรึกษาเอสซีจี เปิดเคล็ดลับสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม ยันทำงานกับคนพันธุ์ใหม่ หลายเจนเนอเรชั่น ต้องเปิดใจแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ ในการทำงาน เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัย
วันที่ 21 พฤศจิกายน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "วิศวกรยุคใหม่กับบริบทที่เปลี่ยนไปในภาวะแวดล้อมที่คุกคามอย่างยิ่ง" ณ ห้องประชุม 117 ตึก 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานที่ปรึกษาบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอสซีจี กล่าวถึงการปรับองค์กรให้เข้าสู่องค์กรนวัตกรรมที่น่าร่วมงานด้วยวัฒนธรรมองค์กรนั้น วัฒนธรรมองค์กรมีอิทธิพลอย่างมากกับวิธีคิดสร้างสรรค์ ด้วยการเปิดกว้างยอมรับความแตกต่างและนวัตกรรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น โดยการเริ่มปรับจากผู้บริหารเป็นตัวอย่าง โดยจะลดช่องว่างระหว่างตำแหน่งมาเป็นอยู่แบบพี่น้อง
“ในเอสซีจีมีการตั้งหลักสูตร ปีหนึ่งจะมี 6 รุ่น ไปๆมาๆคนที่น้อยใจที่สุดในองค์กรคือ Gen x เพราะไม่มีใครสนใจ ผมเลยให้ไปปรับปรุงหลักสูตรใหม่จะมีการมาให้รุ่นพี่และรุ่นน้องได้เปิดใจแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆในการทำงาน ทำให้ลดช่องว่างระหว่างวัยได้มากขึ้น"
สำหรับอุดมการณ์ 4 เรื่องหลักของเอสซีจี นายกานต์ กล่าวว่า คือ ตั้งมั่นในความเป็นธรรม, มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ, เชื่อมั่นในคุณค่าของคน, ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นพลังสำคัญผลักดันให้องค์กรเข้มแข็งมาตลอดช่วงเวลาหลายทศวรรษ และก็ยังถูกยึดมั่นไว้อย่างเหนียวแน่น
นายกานต์ กล่าวถึงหัวใจสำคัญของการพัฒนาสินค้านวัตกรรมนั้น ต้องมีองค์กรประกอบ 3 ส่วน ที่สำคัญ ได้แก่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์, นวัตกรรมกระบวนการ และ นวัตกรรมทางธุรกิจ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า เป็นการพัฒนาทางด้านนวัตกรรมที่สมบูรณ์ไม่ได้
"การศึกษาไม่มีเจนเนอเรชั่น ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาสอนหนังสือมาเยอะมาก ได้สอนหลักสูตรเรียนรู้ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็จะอ่านให้มาก ขนาดอยู่บนเครื่องบินก็ยังอ่าน เพราะการอ่านทำให้รู้เยอะได้ความรู้ที่หลากหลาย ฉะนั้น อย่าทำตัวว่าฉลาด เพราะถ้าฉลาดเราก็จะไม่เติมความรู้เพิ่ม"
ประธานที่ปรึกษาเอสซีจี กล่าวด้วยว่า คนในองค์กรทุกคนต้องไปด้วยกัน พนักงานของเอสซีจีมี 3.4 หมื่นคน 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็น Gen Y ที่เหลือเป็น Gen X และ Baby Boomer 5.5 เปอร์เซ็นต์ โดยธรรมชาติ Gen Y มีความคิดความอ่านมาก แต่จะทำอย่างไรให้มีการบริหารความคิดนั้นๆ เพราะไม่ว่าจะ Gen Y หรือGen z มีความคิดความอ่านเยอะมาก ๆ ไอเดียมหาศาลและเรียนรู้ได้รวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงไม่แปลกใจที่คน Gen z จะความรู้เรื่องเทคโนโลยี ไม่ชอบอยู่ในกรอบ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คือกลุ่มคนที่จะมาเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต สมัยตอนขึ้นรับตำแหน่งก็ได้มีการปลดล็อกกฎต่างๆพอสมควรเพื่อที่จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรมากยิ่งขึ้น