"ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ
น้อมนำพระบรมราโชวาทมาใช้ในการดำเนินชีวิต
ตอนที่ 3 ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ
พระบรมราโชวาทตอนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช พระราชทานแก่นิสิตที่สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2499 ความว่า
“การที่จะประกอบกิจการใดๆ ให้เจริญเป็นผลดีนั้น ย่อมต้องอาศัย ความอุตสาหะพากเพียร และความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นรากฐาน สำคัญประกอบกับจะต้องเป็นผู้มีจิตเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และพร้อมที่จะบำเพ็ญประโยชน์ให้เกิดแก่ส่วนรวมตามโอกาสอีกด้วย”
จากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช ไม่เคยล้าสมัยไปตามกาลเวลา แต่กลับเหมาะสมกับทุกยุคสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์และวิกฤติของประเทศตลอดมา แม้ว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะต้องพบกับวิกฤติต่างๆ มากมาย จากประวัติศาสตร์มาจวบจบถึงปัจจุบัน แต่ประเทศก็ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ทุกครั้ง ก็ด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงอุทิศสละเวลามาตลอด 70 ปีนับแต่ทรงขึ้นครองราชย์ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไทย
จะเห็นได้ว่า การนำพาประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความมั่นคง คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ที่จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง การจะนำมาซึ่งความซื่อสัตย์ได้นั้น ย่อมอยู่ที่การใช้จ่ายอย่างพอเพียง ไม่นิยมวัตถุ ยึดถือคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่มาว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ซึ่งตามแนวคิดนี้ได้สอดคล้องกับพระอัฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชที่ทรงมองการณ์ไกล เสมือนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นกับผืนแผ่นดินไทย พระองค์ท่านได้พระราชทานปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางการพัฒนาประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว และดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ถ้าแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนี้ไม่ถูกละเลยและเป็นที่ยึดถือปฏิบัติอยู่ในจิตสำนึกของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่ผู้นำประเทศและดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากประชาชนทุกระดับตั้งแต่ครอบครัว ระดับชุมชน ถึงระดับรัฐ ยึดถือปรัชญานี้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต และปฏิบัติตน มีสำนึกในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความรู้เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา มีความรอบคอบ ประเทศไทยจะมั่นคง สงบสุข ร่มเย็น ด้วยความสามารถและความร่วมมือของคนไทยด้วยกันเอง
การปลูกฝังผ่านพระบรมราโชวาทล้วนมีการสอดแทรกเรื่องการปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริตทั้งสิ้น จึงถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างหาที่สุดมิได้
ดังนั้น ในการขับเคลื่อนสร้างค่านิยมสุจริต จึงได้มีการกำหนดให้มีการประยุกต์หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริตโดยกำหนดไว้ในกลยุทธ์ที่ 3 ของยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคม ที่ไม่ทนต่อการทุจริต ในยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564) และ เนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 17 ปี ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้จัดงานภายใต้แนวคิด “ซื่อสัตย์ สุจริต ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท” โดยมีพิธีทำบุญตักบาตร พิธีพราหมณ์สักการะบูชาพระภูมิ-เจ้าที่ พิธีมอบรางวัลแก่บุคลากรสำนักงาน ป.ป.ช. คือ รางวัลเพชรน้ำเอก และรางวัลสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่มีผลงานด้านการประชาสัมพันธ์และบริการประชาชนดีเด่นและจัดแสดงนิทรรศการซื่อสัตย์สุจริต ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อนำหลักธรรมะ พระราชจริยาวัตร และพระราชดำรัสที่เป็นแบบอย่างดังกล่าว น้อมนำไปปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทสืบไป อันเป็นพื้นฐานในการลดปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืนหากทุกคนในสังคมดำรงตนด้วย ความซื่อสัตย์ สุจริต อยู่อย่างพอเพียง
สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักในการทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม โดยเฉพาะการเชิดชูคนดีให้ปรากฏต่อสังคม จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นพลังเครือข่ายช่วยกันป้องกันการทุจริต เริ่มต้นจากครอบครัว ผู้ปกครองต้องปลูกฝัง ให้ลูกหลานมีความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ต่อต้านการทุจริต ช่วยกันสอดส่องดูแลโดยพึงระลึกเสมอว่า “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติ ต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) หากพบเห็นการทุจริต ของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้โทรแจ้งสายด่วน ป.ป.ช. 1205 หรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ สำนักงาน ป.ป.ช. WWW.NACC.GO.TH หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด