โวยผู้ตรวจการฯ อุ้มคกก.กองทุนฯสกสค. ชง 'ดาว์พงษ์' เว้นโทษวินัยซื้อหุ้น800ล.
เปิดผลสอบ สกสค. ปมซื้อหุ้นบ.หนองคายน่าอยู่ 800ล. ฉบับผู้ตรวจการแผ่นดิน ถูกโวยอุ้ม คกก.กองทุนฯ หลังชง'ดาว์พงษ์' เว้นโทษทางวินัย หลังสอบพบไม่มีเจตนา -ไร้ปัญหาเรียกรับผลประโยชน์บริษัทฯ
จากกรณี ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการสืบสวนกรณีคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน คณะกรรมการ สกสค.) ได้ร่วมลงทุนโรงฟ้าฟ้าพลังงานขยะชุมชม กับ บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด จำนวน 800 ล้านบาท เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยเบื้องต้น ดีเอสไอ ได้สรุปผลการสืบสวนพบว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งการดำเนินการของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด มีมูลเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และเห็นควรส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2559 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึง พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงผลการตรวจสอบกรณีคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา นำเงินไปซื้อหุ้นบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ได้สรุปผลการตรวจสอบดังกล่าวนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเป็นทางการ
โดยผลการตรวจสอบระบุว่า การดำเนินงานซื้อหุ้นกรณีนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ การกระทำการโดยอาศัยระเบียบของอดีตผู้บริหารสกสค. ที่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับ และไม่ได้ดำเนินการขอความเห็นชอบจากสกสค. อย่างไรก็ตาม เจตนาของคณะกรรมการกองทุนฯ ในการอนุมัติซื้อหุ้นของ บริษัทฯ ดังกล่าว ได้ดำเนินการตามแบบแผน ประกอบกับข้อบังคับ ระเบียบของ สกสค. อนุญาตให้ดำเนินการได้ และการดำเนินการซื้อหุ้นของ สกสค. ยังไม่เกิดความเสียหาย และบริษัทฯ ยังดำเนินการธุรกิจอยู่
บันทึกสรุปผลการตรวจสอบ ดังกล่าวยังระบุว่า การกระทำของผู้บริหาร สกสค. จำนวน 2 ราย มีความผิดทางวินัย ส่วนคณะกรรมการกองทุนฯ ไม่มีส่วนในการแก้ไขระเบียบกองทุนฯ การอนุมัติได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีระเบียบประกอบการพิจารณในชั้นนี้ ไม่พบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทฯ จึงเห็นควรยกเว้นโทษทางวินัยแก่ คณะกรรมการกองทุนฯ
ส่วนกรณีความพร้อมของบริษัทหนองคายน่าอยู่ ในการดำเนินการกิจการโรงไฟฟ้า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ได้ผ่านกระบวนการใบอนุญาตครบถ้วนมีความพร้อมในการด้านลงทุน ดำเนินพัฒนาโครงการฯ ก่อสร้างไปแล้วกว่า 40% ได้ทำสัญญาสัมปทานขยะกับอปท.ในพื้นที่แล้ว ส่วน สกสค. ยังไม่ได้รับความเสียหาย ปัจจุบันยังได้รับค่าตอบแทนจากการร่วมลงทุน และการสอบสวนในชั้นนี้ไม่พบมีการทุจริต และบริษัทฯ ก็พร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนทั้งหมด โดยขอซื้อคืนในราคาเดิม
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีบัญชาให้ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงาน รมว.ศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. พิจารณาดำเนินการตามคำวินิจฉัยของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดังกล่าว
ขณะที่ แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า การส่งผลสรุปการตรวจสอบกรณีนี้ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้กับ รมว.ศึกษาธิการฯ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง และอยู่นอกอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดทั้งที่ไม่มีอำนาจ และอาจถูกมองว่าปกป้องบริษัทเอกชน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐ
"การวินิจฉัยของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีนี้ถูกมองว่ามีการปกป้องคณะกรรมการสกสค. กับเอกชนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการนี้ โดยมุ่งไปแค่สาเหตุของปัญหาว่าเป็นความผิดของผู้บริหาร สกสค. ที่ไปแก้ไขระเบียบ ขณะที่ รมว.ศึกษา ก็อนุมัติดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเดือนก.พ.2559 ที่ผ่านมา โพสต์ทูเดย์ ได้นำเสนอข่าว พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการสืบสวนคดีนี้ เป็นทางการว่า
1.อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.ใช้อำนาจยกเลิกระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ว่าด้วยกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.(ระเบียบเก่า) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2554 และออกระเบียบใหม่ฉบับปี พ.ศ.2554 โดยมีการแก้ไขหลักการสำคัญเกี่ยวกับการบริหารกองทุนฯหลายประการ เช่น เดิมประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ คือ เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.ดำรงตำแหน่งได้ 4 ปี แก้ไขใหม่เป็นประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ ได้มาโดยการสรรหาตามหลักการและวิธีการคณะกรรมการ ช.พ.ค.กำหนด และให้ดำรงตำแหน่งได้คราวละ 6 ปี นอกจากนั้นกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เพื่อให้อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เป็นประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และมีอำนาจสั่งการอนุมัติกองทุนฯ ได้
2.การร่วมลงทุนกับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ในโครงการพลังงานไฟฟ้าขยะชุมชน มีข้อพิรุธ และพบข้อเท็จจริงหลายประการ กล่าวคือ
2.1 การเพิ่มทุนในบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด จากมูลค่าหุ้นที่จดทะเบียน 1 ล้านบาท เป็น 1 พันล้านบาท พบว่า เอกสารรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่แจ้งต่อนายทะเบียนพาณิชย์ นอกจากนั้นการซื้อขายหุ้นระหว่างกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค.ในนามสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. กับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด จำนวน 32 ล้านหุ้นๆละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของบริษัทตามหนังสือบริคณห์สนธิไม่ได้ให้อำนาจให้บริษัทออกหุ้นที่มีมูลค่ามากกว่าที่ตราไว้ ดังนั้นเงินส่วนเกินจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ บริษัทจึงรับไว้ในฐานะลาภมิควรได้ ส่งผลทำให้สำนักคณะกรรมการ สกสค.ได้รับความเสียหายจากการจ่ายเงินค่าหุ้นเกินกว่าที่ตราไว้
2.2 ในช่วงที่มีการซื้อขายหุ้นและเพิ่มทุนของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.บางคนได้รับผลประโยชน์จากบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชี
2.3 การดำเนินการของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด เกี่ยวกับการดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน พบว่าการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 3.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2556 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้แจ้งสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 เนื่องจากไม่สามารถเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ส่วนกรณีที่ทางบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ยื่นคำร้องขอขายไฟฟ้าจากพลังงานขยะขนาด 4.9 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ขณะนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติหรือเริ่มทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแต่อย่างใด เป็นเหตุให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้รับความเสียหาย (อ้างอิงจาก http://www.posttoday.com/crime/414274)
ขณะที่ นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ได้ส่งผลการตรวจสอบการซื้อหุ้นบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ของสกสค. ไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาธิการพิจารณาจริง แต่ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือคณะกรรมการกองทุนฯ แต่อย่างใด เพราะในกรณีนี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องทางวินัย ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดทางแพ่ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ต้องไปว่ากันอีกที คำวินิจฉัยที่ออกมาจึงเป็นแบบกลางๆ