อ้าง BRN ส่ง จม.ถึงครูใต้ กับการรักษาความปลอดภัยที่ยังหละหลวม
โรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ผวา หลังได้รับจดหมายลึกลับส่งถึงผู้อำนวยการ เขียนให้เข้าใจได้ว่ามาจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ชี้แจงสาเหตุของความจำเป็นที่ต้องต่อสู้ด้วยอาวุธ เพื่อให้ได้มาซึ่ง “พื้นที่การต่อสู้ด้วยสันติวิธี”
โรงเรียนที่ได้รับจดหมายลักษณะดังกล่าว เบื้องต้นพบในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เช่น โรงเรียนบ้านรัชดาภิเษก ต.บางเขา และ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้แก่ โรงเรียนบ้านป่าบอน โรงเรียนบ้านโผงเผง โรงเรียนบ้านสามยอด และโรงเรียนบ้านนาประดู่
จดหมายดังกล่าวถูกใส่ซองปิดผนึก ส่งทางไปรษณีย์ ต้นทางจากไปรษณีย์ปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี จ่าหน้าด้วยลายมือ เขียนด้วยปากกาเป็นภาษาไทย ส่วนตัวเนื้อจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทย อ้างถึงจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของชาวปาตานี ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบสันติวิธีผ่านข้อเรียกร้อง 7 ข้อของหะยีสุหลง
เนื้อความในจดหมายอ้างว่าการต่อสู้ดำเนินมาถึงปัจจุบัน โดยเหล่านักต่อสู้เพื่ออิสรภาพปาตานี ซึ่งมีบีอาร์เอ็นเป็นองค์กรนำ จำเป็นต้องต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่อให้ได้มาซึ่ง “พื้นที่การต่อสู้ด้วยสันติวิธี” โดยบีอาร์เอ็นเน้นย้ำว่าจะไม่โจมตีเป้าหมายพลเรือน แต่สาเหตุที่ยังมีการโจมตีอยู่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง ส่วนการต่อสู้ด้วยอาวุธจะยุติลงเมื่อใด ขึ้นอยู่กับรัฐไทยว่าจะเปิดพื้นที่การต่อสู้ด้วยสันติวิธีให้เมื่อใด
รู้จัก “หะยีสุหลง”
สำหรับ หะยีสุหลง เป็นอดีตผู้นำทางจิตวิญญาณของคนในพื้นที่ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่รัฐอุ้มหายไปเมื่อกว่า 60 ปีก่อน เขาเป็นบิดาของ นายเด่น โต๊ะมีนา อดีต ส.ส.และ ส.ว.ปัตตานีหลายสมัย
ข้อเรียกร้อง 7 ข้อของหะยีสุหลง เน้นให้คนพื้นที่ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ ได้ปกครองตนเองโดยเลือกผู้ปกครองจากคนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล
สั่งพร้อม 100% รับมือ
หลังมีข่าวการส่งจดหมายที่อ้างว่าเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นไปยังโรงเรียนต่างๆ ฝ่ายความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ 100% โดยในส่วนของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่เฝ้าระวังพื้นที่โดยรอบโรงเรียน ได้พร้อมใจกันออกตรวจพื้นที่ ตัดหญ้า และเคลียร์เส้นทางให้ปลอดภัย ไม่เปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีก่อเหตุรุนแรงได้ นอกจากนั้นยังมีการกำชับให้ปิดประตูโรงเรียนตลอดทั้งวัน เปิดเฉพาะตอนเช้าที่นักเรียนเข้าเรียน และตอนบ่ายช่วงเลิกเรียนเท่านั้น
ผอ.โรงเรียนแชร์ความหละหลวม
สำหรับการเปิด-ปิดประตูโรงเรียน และมาตรการ รปภ.โรงเรียนที่หละหลวม เพิ่งมีการเปิดเผยข้อมูลเมื่อไม่นานนี้จากผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันยกระดับความเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย
ข้อความแจ้งเตือนเป็นของผู้บริหารโรงเรียนบ้านปูตะ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่ส่งเข้ากลุ่มไลน์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1 แจ้งเตือนให้ระมัดระวังการ รปภ.ครู เนื่องจากพบปัญหาที่โรงเรียนบ้านปูตะ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.59 ช่วงพักเที่ยง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ.ที่ทำหน้าที่ รปภ.โรงเรียน ได้ออกไปละหมาด ขณะที่ครูก็เข้าประชุมทุกคน
ระหว่างนั้นทางโรงเรียนได้เปิดประตูด้านหน้าทิ้งไว้ ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าโรงเรียน จากนั้นหนึ่งในสองคนได้เดินเข้ามาในโรงเรียน แล้วพยายามเปิดประตูรถยนต์ของครู เมื่อเปิดไม่ได้ ก็เปลี่ยนใจไปนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ของทหารชุด รปภ.ครูที่จอดเอาไว้ และพยายามสตาร์ทเครื่อง แต่ยังไม่ทันสำเร็จ มีเด็กนักเรียนในโรงเรียนเห็นเข้า จึงตะโกนว่า “ขโมยๆ” ทำให้ชายคนดังกล่าวรีบเดินออกจากโรงเรียน ไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่จอดคุมเชิงอยู่หลบหนีไป โดยทหารซึ่งทำหน้าที่ รปภ.ครู ไม่สามารถติดตามจับกุมได้ทัน
ข้อมูลที่ส่งผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ยังระบุว่า ข้อบกพร่องของเหตุการณ์นี้ คือ โรงเรียนไม่ได้ปิดประตูโรงเรียนทุกครั้งที่มีบุคคลเข้า-ออก, ทหารชุด รปภ.ครูจำนวน 6 นาย นั่งจับกลุ่มกันอีกที่หนึ่ง ห่างจากประตูทางเข้า-ออก ประมาณ 80 เมตร ไม่ได้มาดูแลการเข้า-ออกอย่างเข้มงวด, ทั้งหมดเป็นความประมาทของโรงเรียนและหน่วยที่มา รปภ.
นายจีรวิชญ์ การสมเกตุ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปูตะ กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า สาเหตุที่ทางโรงเรียนแชร์ข้อมูลนี้ในโซเชียลมีเดีย เพราะต้องการแจ้งเตือนโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย จะได้ช่วยกันระมัดระวัง สำหรับโรงเรียนบ้านปูตะ ถือว่าโชคดีที่ไม่เกิดเหตุร้ายแรงอะไรขึ้นมา
ฝ่ายมั่นคงแจงคนสติไม่สมประกอบ
ต่อมามีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทราบว่าชายที่เข้าไปในโรงเรียนบ้านปูตะ และพยายามเปิดประตูรถยนต์ของครูในโรงเรียน เป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางสมอง ขณะเกิดเหตุ พี่ชาย คือ นายมะสะรี มามุ กำลังพาไปโรงพยาบาล แต่น้องเกิดอาละวาดเดินเข้าไปในโรงเรียน จนเกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้บุคคลต้องสงสัยไม่ใช่คนร้าย แต่ก็ยังสะท้อนปัญหามาตรการ รปภ.ที่หละหลวมอยู่ดี
ครม.ส่วนหน้าสั่งเพิ่มความเข้ม
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หนึ่งใน ครม.ส่วนหน้า กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ขอขอบคุณผู้บริหารโรงเรียนที่แจ้งข้อมูล จะพยายามกำชับเกี่ยวกับมาตรการการ รปภ.ครูและโรงเรียน เพื่อให้เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่านี้ ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับจดหมายที่ส่งไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่งนั้น ตนได้รับแล้วเช่นกัน โดยมีครูจากในพื้นที่ส่งมาให้ และขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ เบื้องต้นได้เน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติตามแผน รปภ. ห้ามครูเดินทางนอกแผนเป็นอันขาด
เพิ่มมาตรการหลังครูถูกยิง
สำหรับโรงเรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 1,000 โรง เพิ่งเปิดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 2 เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากก่อนเปิดเรียนเพียงไม่กี่วัน คนร้ายได้ก่อเหตุยิงครู กศน. คือ นางสาวสุณิสา บุญเย็น จนเสียชีวิต และ นางชฎพร ศรีเส้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หน้าสำนักงาน กศน.อำเภอมายอ จ.ปัตตานี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยภาพ :
1-2 จดหมายที่ส่งถึงผู้อำนวยการโรงเรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
3 ชายลึกลับเข้าไปในโรงเรียนบ้านปูตะ และพยายามเปิดประตูรถครู