"ชัยชนะที่ได้มาด้วยความรุนแรงไม่มีวันจบง่ายๆ" วีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าฯปัตตานี
การโจมตีด้วยระเบิดในตลาดโต้รุ่งกลางเมืองปัตตานี เมื่อ 24 ต.ค.59 เป็นอีกหนึ่งพลวัต (ด้านลบ) ของความรุนแรงที่ชายแดนใต้ที่น่าวิตกอย่างยิ่ง
เพราะโดยปกติกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีการสื่อสารทั้งในทางเปิดและทางปิด มักอ้างว่าเป้าหมายของการโจมตีไม่ใช่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ถืออาวุธ ส่วนคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กนั้น หากโดนก็เป็นเพียง “ลูกหลง”
แต่ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือซีซีทีวี ที่บันทึกได้จากจุดเกิดเหตุ พบคนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ นำระเบิดมาหย่อนไว้บริเวณตู้เก็บของข้างร้านก๋วยเตี๋ยวเบิ้ม เป็นระเบิดแบบตั้งเวลา
เมื่อเสียงระเบิดแผดก้องขึ้นในช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่คนพลุกพล่าน ทั้งนั่งกิน เดินกิน และเลือกซื้อของ จึงถือว่างานนี้จงใจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะชาวบ้านไทยพุทธ เพราะร้านที่นำระเบิดไปหย่อน เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ราดหน้าหมู และข้าวหมูแดง
ซ้ำร้าย..ความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะไม่สามารถล็อคเป้าได้ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ก็มีเด็กมุสลิมได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
นี่คือความเลวร้ายของความรุนแรงที่เลือกพื้นที่ชุมชนและย่านเศรษฐกิจเป็นพื้นที่สังหาร!
ในกิจกรรมรวมพลังต่อต้านความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ขึ้นกล่าวตอนหนึ่งอย่างมีนัยน่าสนใจ
“หากคนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้องของคนที่กระทำ คุณจะรู้สึกอย่างไร และจากการกระทำในวันนั้น ไม่ได้มีผลแค่ในวันนั้น แต่มันมีผลต่อชีวิตชีวิตหนึ่ง กระทบต่อครอบครัวครอบครัวหนึ่ง โดยที่เขาไม่ได้มีความผิดเลย ผมมาในนามของคนปัตตานีโดยกำเนิดที่เติบโตมากับสายน้ำปัตตานี และเป็นสมาชิกของสงขลานครินทร์ ผมขอให้ทุกท่านมีกำลังใจ หากเมื่อ 12 ปีที่แล้วเราลุกขึ้นสู้ จะเกิดอะไรขึ้น
วันนั้นมีการเผาวัด มีการฆ่าพระ ถ้าวันนั้นมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้ถูกกระทำลุกขึ้นต่อสู้ อะไรจะเกิดขึ้น ลองนึกภาพอิรัก อิหร่าน ลิเบีย มันคงไม่ต่างกัน หรือหากเราถอย หนีออกให้หมด อะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่แตกต่างกัน การแย่งชิงอำนาจหรือได้อำนาจจากความรุนแรงมันไม่มีวันจบง่ายๆ ชัยชนะที่ได้มาด้วยความรุนแรงไม่มีวันจบง่ายๆ คุณก็จะอยู่กับความรุนแรงตลอดไป เลือดจะนองแผ่นดินมากกว่าปัจจุบัน แต่เราเลือกที่จะอยู่อย่างสันติวิธี
มีหลายกลุ่มในสังคมนี้ที่พยายามต่อสู้ด้วยสันติวิธี ทั้งพี่น้องที่เป็นพุทธและเป็นมุสลิมอยู่กันมาอย่างสงบสุขหลายร้อยปี แต่มีคนไม่กี่คน ที่ต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจ จึงตั้งประเด็นทางสังคมที่เป็นเงื่อนไขทางสังคม ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวมีอยู่จริง ทั้งความยากจน การไม่มีงานทำ การไม่มีที่ยืนในสังคม ความอยุติธรรม ความล้าหลังทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้เราต้องยอมรับ ต้องช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง อย่าติดอยู่กับกับดักแห่งความรุนแรง
เรามีสิทธิ์ที่จะเศร้า มีสิทธิ์ที่จะเสียใจ แต่อย่าให้นาน ขอให้ลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป และที่สำคัญคือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และอย่าเป็นไฟไหม้ฟาง เพราะมีหลายเหตุการณ์เมื่อเกิดเหตุแล้วมีความเอาใจใส่เยอะ และเมื่อผ่านไปก็ลืมเลือนกันไป”
ถือเป็นการส่งสารที่ตรงไปตรงมาถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ใช่แค่จากผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี แต่เป็นคนปัตตานีโดยกำเนิดคนหนึ่ง!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าฯปัตตานี ขณะร่วมกิจกรรมต่อต้านความรุนแรงกับประชาคม ม.อ.