กรมชลฯร้อง อผศ.ผิดสัญญา รปภ. 3 ล.! กทม.-อปท.เบี้ยวค่าไฟอื้อ ก่อน กยพ.ยุติคดี
พบ กรมชลประทาน ร้อง อผศ. รับผิดชอบปม ผิดสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัย 3 ล้าน กทม.-อปท. เบี้ยวค่าไฟ-ค่าน้ำอื้อ ก่อน กยพ. มีมติชี้ขาดสั่งยุติคดีแพ่งทั้งหมด – ชงข้อสังเกตถึง ครม. หากสิทธิเรียกร้องใกล้หมดอายุความ ให้ดำเนินการรับสภาพหนี้ป้องความเสียหาย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) โดยคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กยพ.) นำเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับผลการประชุม กยพ. ในการชี้ขาดยุติคดีแพ่งต่าง ๆ ระหว่างส่วนราชการกับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2559
มีสาระสำคัญคือข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง มีทั้งหมด 9 คดี ได้แก่
1.ข้อพิพาทระหว่างกรมชลประทาน กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กรณีกรมชลประทานเรียกร้องให้ อผศ. รับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยเป็นเงินจำนวน 3,088,000 บาท
2.ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับ กทม. (สำนักงานเขตบึงกุ่ม) กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ กทม. ชำระค่าติตดั้งเครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าชั่วคราวและค่าเช่าหม้อแปลงไฟฟ้าชั่วคราว รวมเป็นเงิน 20,872 บาท
3.ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับ กทม. (สำนักงานเขตบางเขน) กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ กทม. ชำระค่าติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตบางเขน เป็นเงินจำนวน 644,820 บาท
4.ข้อพิพาทระหว่างการประการนครหลวง กับ กทม. กรณีการประปานครหลวงเรียกร้องให้ กทม. ชำระเงินค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบประปาภายในโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน กทม. ที่ค้างชำระจำนวน 64,944 บาท
5.ข้อพิพาทระหว่างเทศบาลเมืองท่าโขลง กับการประปาส่วนภูมิภาค กรณีเรียกร้องให้การประปาส่วนภูมิภาคชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงินจำนวน 315,000 บาท
6.ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ อบจ.สมุทรปราการจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าค้างชำระเป็นเงินจำนวน 454,213.75 บาท
7.ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับ กทม. (สำนักงานเขตห้วยขวาง) กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ กทม. ชำระหนี้ค่าสิ่งของ (ค่าติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะ) เป็นเงินจำนวน 238,110 บาท
8.ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับ กทม. กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ กทม. (สำนักงานเขตสายไหม) ชำระค่ากระแสไฟฟ้าค้างชำระจำนวน 1,117,114 บาท
9.ข้อพิพาทระหว่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEs Bank) กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม กรณี SMEs Bank เรียกร้องให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ชำระเงินค้ำประกัน (เงินค่าประกันชดเชย) จำนวน 23 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ต่อปี ของเงินต้น 23 ล้านบาท นับแต่วันผิดนัดไม่เกิน 6 เดือน และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 กึ่งต่อปีของเงินต้น 23 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ส่งข้อพิพาทไปยังสำนักงาน อสส. จนกว่าจะชำระเสร็จ
ที่ประชุม กยพ. ยังมีมติตั้งข้อสังเกตกรณี ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับ กทม. (สำนักงานเขตบางเขน) กรณีการไฟฟ้านครหลวงเรียกร้องให้ กทม. ชำระค่าติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตบางเขนเป็นเงินจำนวน 644,820 บาทนั้น ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติตัดสินชี้ขาดว่า การไฟฟ้านครหลวงไม่อาจเรียกร้องให้ กทม. ชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะที่บริเวณซอยหมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศน์ 1 ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จำนวน 644,820 บาทได้ เนื่องจากสิทธิเรียกร้องดังกล่าวขาดอายุความ 2 ปี นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แล้ว ตามเหตุผลที่ อสส. เสนอ
อนึ่งที่ประชุมเห็นว่า ข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ที่ส่งไปยัง อสส. นั้น มีปรากฏอยู่เนือง ๆ ว่า สิทธิเรียกร้องขาดอายุความหรือพ้นกำหนดเวลาฟ้องคดีแล้ว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ จึงมีมติให้ตั้งเป็นข้อสังเกตเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติมอบหมายต่อไป โดยกรณีต้องดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณเนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ หากคดีใกล้ขาดอายุความหรือใกล้พ้นกำหนดเวลาฟ้องคดี และยังไม่สามารถส่งข้อพิพาทไปยังสำนักงาน อสส. ได้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการรับสภาพหนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายขึ้น
ทั้งนี้ ตามแนวทางการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครองของพนักงานอัยการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2549 กำหนดว่า คดีแพ่ง และคดีปกครอง ระหว่างส่วนราชการอันมิใช่ราชการส่วนท้องถิ่น กับเอกชน ที่ กยพ. สั่งยุติเรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ด้วยกันเอง เมื่อ กยพ. ตัดสินชี้ขาดแล้ว ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ