ฝ่ายมั่นคงยันแผนบึ้มกรุงใช้ "ไปป์บอมบ์" พบผู้ต้องสงสัยโยงโจมตีฐานพระองค์ดำ
ฝ่ายความมั่นคงตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีถึงข้าราชการหัวหน้าหน่วยงาน ยืนยันพบแผนก่อวินาศกรรมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจริง มีหลักฐานมัด 5 ผู้ต้องสงสัยจากชายแดนใต้ อ้างเตรียมใช้ “ไปป์บอมบ์” ก่อเหตุ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโยงแผนวินาศกรรมกรุงเทพฯ ว่า หากไม่มีเหตุก็จะไม่ดำเนินการ เรื่องเหล่านี้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน แต่ประชาชนไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวด พร้อมขอความร่วมมือภาคเอกชนช่วยกันสอดส่องแล้ว โดยเฉพาะตามลานจอดรถ และห้างสรรพสินค้า หากพบสิ่งผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวนั้น เป็นเรื่องการเข้ามาก่อความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะก่อเหตุในลักษณะไปป์บอมบ์ และเป็นคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องการแจ้งเตือนรถยนต์ที่อาจถูกคนร้ายนำมาประกอบระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ จำนวน 5 คัน ถือเป็นการแจ้งเตือนปกติ ไม่มีเหตุการณ์พิเศษ ส่วนรายละเอียดว่ารถทั้ง 5 คันอยู่ในพื้นที่ใด และมีการตรวจยึดรถต้องสงสัยที่เคยแจ้งเตือนไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการเฝ้าระวังมาตลอดอยู่แล้ว และตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขอประชาชนอย่าสับสน เพราะอาจจะเป็นช่องว่างของกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปขยายผลต่อเพื่อหวังผลในทางไม่ดี
สำหรับการตรวจค้นย่านรามคำแหง และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวนหนึ่งนั้น ผบ.ตร.บอกว่า ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยมี 2 รายพบดีเอ็นเอตรงกับบุคคลที่เคยก่อเหตุโจมตีฐานพระองค์ดำ กองร้อยทหารราบที่ 15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 เมื่อเดือน ม.ค.2554 ซึ่งมีการสังหารเจ้าหน้าที่และปล้นอาวุธปืนไปหลายสิบกระบอก
ด้านประเด็นการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งมีภูมิลำเนาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 5 คน และช่วงแรกฝ่ายความมั่นคงไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม จนถูกองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเคลื่อนไหวเรียกร้องนั้น
ล่าสุด นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารที่มณฑลทหารบกที่ 11 สถานที่ควบคุมตัว ที่อนุญาตให้บิดามารดาของผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 คนได้เข้าเยี่ยมลูกชายอย่างใกล้ชิด เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 17 ต.ค.
“เรื่องนี้คนเป็นพ่อคน แม่คน คงเข้าใจถึงความวิตกกังวล และความเป็นห่วงลูกหลาน พ่อแม่รวมถึงญาติทั้ง 5 รวมเกือบ 20 คน ต้องขายแพะขายแกะและทรัพย์สินที่มีเพื่อเช่ารถตู้ 2 คันจากชายแดนภาคใต้ พร้อมนำอาหารแห้งที่พอหาได้มาเยี่ยมลูกหลานของเขา แม้จะยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่ครอบครัวก็ยิ้มได้ หลังจากที่ต้องร้องไห้ทันทีทีเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ และรู้ว่าไม่สามารถเยี่ยมลูกหลานของพวกเขาได้ในตอนแรก” นางอังคณา เขียนข้อความตอนหนึ่ง
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติผู้นี้ยังให้ข้อมูลว่า ทราบจากแม่ของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งว่า ลูกชายเป็นโรคไต ทำให้ต้องห่วงเป็นพิเศษ พร้อมเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนให้มากกว่านี้ และยังขอบคุณไปถึงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ประสานงานและดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย