เสด็จสวรรคต: คืนที่สาม
พระปรีชาญาณและพระราชวินิจฉัยอันรอบคอบ รอบด้าน และเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ อันไม่มีผู้ใดอาจหยั่งนึกได้เลย ทำให้ทวยราษฎร์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและปรารถนาที่จะเปล่งถวายพระพรโดยเร็วที่สุดว่า
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ โพตส์บทความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว AnekLaothamatas เรื่อง เสด็จสวรรคต: คืนที่สาม
--------
คืนนี้เป็นคืนที่สามหลังจากพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ความเศร้าหมอง อันคาดไว้แล้ว แต่เกิดจริงมากกว่าที่คาดเป็นหนักหนา แผ่ขยายออกปกคลุมไปทั่วประเทศ เคยประเมินมาตลอดครับว่าคนไทย แม้เด็กๆและวัยรุ่นเอง ก็น่าจะยังเทิดทูน บูชา และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่อดวิตกอยู่เสมอว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะ คนรุ่นใหม่ดูจะคิดอะไรใหม่ๆ ไม่เหมือนคนรุ่นเราหรือแก่กว่าเรา และพระองค์ท่านก็ทรงป่วยอยู่ในโรงพยาบาลนานมากแล้ว เกรงว่าคนรุ่นที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีหรือสามสิบปี อาจจะไม่เห็นท่านทรงงาน หรือเสด็จเยี่ยมเยือนราษฎร
อนึ่ง ในฐานะที่เคยทำเรื่องปรองดองมาบ้าง ผมอดวิตกเพิ่มอีกเรื่องด้วยว่าในช่วงสิบปีหลังที่คนไทยขัดแย้งแตกหักกันจนไม่มองหน้ากัน อาจมีคนจำนวนหนึ่งรู้สึก "ห่างเหิน" สถาบันดั้งเดิมไป
ทว่า สองวันสามคืนที่ผ่านมาได้พบแล้วว่าเราได้กลับมาเป็นคนไทย "หัวใจเดียวกัน" อีกครั้ง ท่านครับ คนไทยนั้นรัก บูชา และอาลัยในพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศมากกว่าที่เราท่านคิดกัน มากกว่าที่ผมเองเคยประเมินไว้ล้นเหลือ
ความวิปโยคโศกาอาดูรนั้น เกิดขึ้นเอง เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีใครชักจูง หรือปรุงแต่ง เกิดขึ้นอย่างรุนแรง แม้จะสงบเยือกเย็น และออกมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ คนไทยนั้น ความที่เป็นพุทธเป็นส่วนใหญ่ มักรู้จักอดกลั้นความเศร้าโศก แต่กระนั้นก็อดกลั้นไม่ได้ ร้องไห้ มากกว่า ลึกกว่า ตอนที่พ่อตัวเองตายเสียอีก หลายคนบอกกับผมอย่างนี้ และผมก็รู้สึกอย่างนี้
ความวิปโยคนี้เกิดกับคนทุกวัย โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาวสมัยใหม่ด้วย เกิดกับผู้คนในทุกฐานะทุกระดับ และเกิดกับทุกกลุ่มทุกฝ่ายทางการเมือง รวมทั้งกับบางส่วนที่เคย "เหินห่าง" กับสถาบันประเพณีเดิม ด้วย
ใช่เฉพาะไทยก็หาไม่ ที่เสียใจร้องไห้และเศร้าอาลัยต่อการจากไปของพระราชาผู้เป็นประดุจ "พ่อ"ของครอบครัว "สมมต" นี้ แต่ "โลก" เองก็ดูจะเสียใจมาก และสรรเสริญ "พ่อ" ของแผ่นดินเรามาก มากจริง ๆ ครับ มากกว่าที่เราคิด
ช่วงราวสิบปีมานี้ สื่อมวลชน "ตะวันตก" ส่วนหนึ่ง มองสถาบันดั้งเดิมของไทยในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นนั้น การแสดงออกของ "ตะวันตก" ต่อข่าวการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัว บอกเราว่า จริงๆ แล้ว ทั้งโลกนั้น ล้วน "เคารพรัก" พระองค์ท่าน และ ร่วม "เสียใจ" กับคนไทยในความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
ทุกสิ่งที่ออกมาในสองวันมานี้ 14-15 ตุลาคม ทำให้ผมสรุปว่าความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ไม่เสื่อมคลายลงและที่สำคัญที่สุด สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชผู้ที่จะทรงครองราชย์เป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่" ทรงมีพระราชหฤทัยที่ตระหนักถึงความเศร้าโศกและอาลัยรัก "สุดขีด" ที่ปวงประชาชนมีต่อพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จึงทรงมิได้ร้อนพระทัยที่จะต้องรีบขึ้นครองราชสมบัติ หากกลับทรงปรารถนาที่จะ "ร่วมทุกข์ร่วมโศก"กับพสกนิกรของพระองค์ก่อน ทรงเชื่อมั่นในกฏมณเฑียรบาล ในรัฐธรรมนูญ และโบราณราชประเพณี ทรงวางใจในผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและในนายกรัฐมนตรีและประธานสภานิติบัญญัติ และทรงแสดงออกถึงกตัญญุตาธรรมที่จะทรงประกอบพระราชพิธีงานพระบรมศพต่างๆ จนครบถ้วนเหมาะสมเสียก่อน แล้วจึงให้เริ่มงานสืบรัชกาลใหม่
พระปรีชาญาณและพระราชวินิจฉัยอันรอบคอบ รอบด้าน และเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ อันไม่มีผู้ใดอาจหยั่งนึกได้เลย ทำให้ทวยราษฎร์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและปรารถนาที่จะเปล่งถวายพระพรโดยเร็วที่สุดว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงพระเจริญ" และ ถวายพระพรด้วยสัจจวาจาว่า "ขอให้พระองค์ท่านทรงเป็นธรรมราชผู้ทรงพระปรีชาญาณ"ปกเกล้าปกกระหม่อมปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่อไป และตลอดไป
ในฐานะผู้หนึ่งที่ได้ทำงานเพื่อช่วยสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองมาบ้าง คืนนี้ผมจะหลับดีมากจะฝันดี และในฝันจะเห็นว่าในแผ่นดินใหม่ของรัชกาลที่สิบอันรุ่งโรจน์นี้ พระบุญญาบารมีของพระองค์ท่านจะนำเอาความสงบสันติกลับสู่แผ่นดินไทยได้ในเร็ววัน
ขอบคุณภาพจาก : NationPhoto