คำพิพากษาแค่คดีแพ่ง! ก.ล.ต.แจงที่มาคำสั่งห้าม "8บิ๊กเนชั่น" เป็นกก.-ผู้บริหารเป็นอาญา
ก.ล.ต.แจงที่มาคำสั่งห้าม "8บิ๊กเนชั่น" เป็นผู้บริหาร ผลจากคดีอาญาไม่ใช่แพ่ง! ยันดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนรัดกุม ยึดหลักความซื่อตรง ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย
ความคืบหน้าล่าสุด กรณี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งข้อมูลบุคคลที่มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) จำนวน 8 ราย ดังนี้ 1) นายปกรณ์ บริมาสพร 2) นายเชวง จริยะพิสุทธิ์ 3) นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ 4) นางสาวเขมกร วชิรวราการ 5) นายพนา จันทรวิโรจน์ 6) นางสาวดวงกมล โชตะนา 7) นายเสริมสิน สมะลาภา 8) นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น สืบเนื่องจากพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ในการประชุมผู้ถือหุ้น
(อ่านประกอบ:ก.ล.ต.ห้าม 'สุทธิชัย หยุ่น-7บิ๊กเนชั่น' เป็น กก.ผู้บริหารบริษัท - ยื่นอุทธรณ์ทันที)
ขณะที่ในช่วงวันที่ 7 ตุลาคม นายสุทธิชัย นำทีมผู้บริหารอีก 7 ราย เปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง โดยตั้งข้อสังเกตว่า "คำถามเกิดอะไรขึ้นกับเนชั่น เหตุการณ์เมื่อวานคำสั่ง ก.ล.ต. กับคำสั่งศาลพระโขนง บังเอิญออกมาตรงกัน โดยสงสัยคำสั่งการกล่าวโทษก.ล.ต. ที่ว่า มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ ถือเป็นการประหารชีวิตในวิชาชีพ เป็นคำที่รุนแรง ขณะที่ผู้บริหารทั้ง 8 คน ก.ล.ต. ก็ไม่ถูกเชิญไปชี้แจง"
(อ่านประกอบ : "สุทธิชัย หยุ่น"ซัดคำสั่ง ก.ล.ต.ห้าม"8บิ๊กเนชั่น"เป็นผู้บริหารเหมือนประหารชีวิตในวิชาชีพ )
ล่าสุดในช่วงบ่ายวัยเดียวกัน ก.ล.ต. ได้เผยแพร่ข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อกรณีที่มีประเด็นสอบถามเรื่องคำพิพากษาศาลจังหวัดพระโขนงว่า จะมีผลต่อการดำเนินการของ ก.ล.ต. ที่ได้แจ้งบุคคล 8 ราย ว่ามีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเป็นกรรมการและผู้บริหาร เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2559 หรือไม่นั้น
ก.ล.ต. ระบุว่า ขอแจ้งว่า คดีที่ศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำพิพากษาเป็นคดีแพ่งซึ่งผู้ถือหุ้นของ NMG ได้ยื่นฟ้องต่อ NMG และกรรมการของบริษัท อย่างไรก็ดี การดำเนินการของ ก.ล.ต. เป็นผลสืบเนื่องจากการสั่งฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการในเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการดังกล่าวเป็นผลให้บุคคลทั้ง 8 ราย มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใด ๆ ไปจนกว่าการดำเนินคดีอาญาจะสิ้นสุด ซึ่งผลของคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลจังหวัดพระโขนงจะเป็นคุณต่อบุคคลทั้ง 8 ราย ในคดีอาญาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่ง ก.ล.ต. มิอาจก้าวล่วงได้
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า กระบวนการพิจารณาของ ก.ล.ต. ในกรณีดังกล่าวได้เริ่มขึ้นและดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุม นับตั้งแต่วันที่ ก.ล.ต. ได้รับทราบเรื่องการสั่งฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการ โดย ก.ล.ต. ได้มีการประสานงานกับสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และหารือผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าได้ข้อเท็จจริงและความเห็นที่ครบถ้วนเพียงพอ ซึ่งการดำเนินตามที่กล่าวได้แล้วเสร็จก่อนที่ศาลจังหวัดพระโขนงจะมีคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าว
อย่างไรก็ดี บุคคลทั้ง 8 ราย มีสิทธิที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลทั่วไปภายใต้กรอบของกฎหมาย
ก.ล.ต. ยืนยันว่า การดำเนินงานของ ก.ล.ต. ยึดหลักความซื่อตรง และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ล.ต. ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายที่มี”
นายสมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “การดำเนินการของ ก.ล.ต. เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่กำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วพบว่าเข้าองค์ประกอบ บุคคลกลุ่มดังกล่าวก็จะขาดคุณสมบัติในทันที ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ก.ล.ต. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจให้เป็นอื่น“