ไม่มีอะไรทุจริต!สตง.การันตี 'บิ๊กป้อม' ประชุมฮาวาย20ล.-'ไข่คาเวียร์'แค่เครื่องเคียง!
ผู้ว่าฯ สตง. แถลงทางการ กรณี 'บิ๊กป้อม'ประชุมฮาวาย ใช้งบ20ล.-ไม่มีอะไรทุจริต ยันผู้ประกาศข่าวดัง-ผู้บริหารซีพี ไม่ได้ไป ส่วนบินไทยฯ แจงคิดราคาเช่าเหมาลำเหมาะสม -ไข่ปลาคาเวียร์ แค่เครื่องเคียง ใส่ประกอบอาหารบางรายการ ชง คตง.พิจารณา 11 ต.ค.นี้
แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในการแถลงข่าวการตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศ ของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทย เพื่อร่วมประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ของ สตง. ในวันที่ 7 ต.ค.2559 เวลา 14.30 น. นี้ ยังไม่ใช่ผลสรุปการตรวจสอบเป็นทางการ แต่เป็นการสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงที่ สตง.ได้รับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2 แห่ง คือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
โดยในส่วนข้อเท็จจริงที่ได้รับจาก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คือ หนังสือเชิญร่วมประชุมจากสหรัฐอเมริกา ถึง พล.อ. ประวิตร และคณะ เพื่อไปร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและสหรัฐอเมริกา และติดตามกรอบนโยบายการดำเนินงานด้านต่างๆ ซึ่งมีการจัดให้แต่ละประเทศ ได้มีโอกาสนัดพบปะกับประเทศคู่เจรจาของตนเองนอกรอบด้วย
ส่วนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายชื่อบุคคลที่ร่วมเดินทางไปด้วยนั้น ได้รับการยืนยันว่า จำนวนผู้ร่วมเดินทางในช่วงขาไปมีจำนวน 38 ราย ขากลับ มีจำนวน 43 ราย ผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วยล้วนแล้วแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงทั้งสิ้น ส่วนรายชื่อที่เพิ่มขึ้นมา เป็นเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปเตรียมงานล่วงหน้าก่อน ที่คณะเดินทางชุดใหญ่จะไปถึง เมื่อเสร็จภารกิจก็เดินทางกลับมาพร้อมกัน
ส่วนฝ่ายพลเรือนที่ร่วมเดินทางไปด้วย มีทีมงานข่าวช่อง 5 ที่ติดตามไปทำข่าว และทีมงานเลขาผู้ช่วยรัฐมนตรี ส่วน พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าว และนายภัคพล งามลักษณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย
"สำหรับรายชื่อคณะเดินทางที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ นั้น สตง.ยังไม่ได้รับการยืนยันข้อมูลจากหน่วยงานใดว่า เป็นรายชื่อจริงหรือไม่ และมาแหล่งที่มาจากไหน ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป ส่วนรายชื่อผู้ร่วมคณะเดินทางเป็นทางการของกลาโหม ที่ไม่มีการเปิดเผยเป็นทางการนั้น เป็นเพราะบุคคลที่ร่วมเดินทางไปด้วย ล้วนแต่เป็นบุคคลที่รับผิดชอบงานสำคัญเรื่องความมั่นคง หากมีการเปิดเผยรายชื่อออกมา เกรงว่า บุคคลเหล่านี้จะตกเป็นเป้า มีคนมาวุ่นวาย ทำงานด้านความมั่นคงไม่สะดวก" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าว กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเท็จจริงในส่วนของบริษัทการบินไทย ที่ได้รับมา คือ รายละเอียดค่าใช้จ่ายของการเดินทาง ทั้งอัตราเช่าเหมาลำเครื่องบิน ข้อมูลเครื่องบิน รวมถึงรายการอาหารต่างๆ ด้วย โดยในส่วนรายการอาหาร มีการยืนยันว่าเป็นรายการอาหารตามมาตรฐานที่จัดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการทั่วไปตามประเภทของที่นั่ง อาหารขาบินไป นำจากเมืองไทยไป ส่วนขากลับต้องซื้อวัตถุดิบจากสนามบินในต่างประเทศมาเพิ่ม ขณะที่ไข่ปลาคาเวียร์ ก็แค่ใส่ประกอบเป็นเครื่องเคียงอาหารบางรายการเท่านั้น ไม่ได้เป็นรายการอาหารหลักแต่อย่างใด
" การเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้ ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารต่างประเทศ ยศสูงร่วมเดินทางไปด้วย และเครื่องบินที่ใช้ก็เป็นการเช่าเหมาลำ ทางการบินไทยจึงจัดเครื่องบิน ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ไม่กระทบการเดินทางของผู้โดยสารทั่วไป บินตรงไปยังจุดหมายปลายทาง โดยไม่แวะจอดที่จุดไหน เพื่อเข้าร่วมพิธีการต้อนรับของสหรัฐ แบบเต็มคณะ จึงยืนยันว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว"
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้การบินไทยจะชี้แจงข้อเท็จจริงส่วนนี้มาแล้ว แต่ สตง. ยังไม่ได้สรุปผลการตรวจสอบส่วนนี้ ซึ่งขั้นตอนจากนี้ สตง.จะเข้าไปตรวจสอบว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้รับแจ้งมาเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ และจะมีการสรุปผลการตรวจสอบเป็นทางการอีกครั้ง โดยจะพิจารณาจากหลักฐานที่การบินไทย ทำเรื่องเบิกจ่ายเงินเข้ามาเป็นทางการต่อไป" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวยังยืนยันด้วยว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ สตง.จะทำอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา เน้นเรื่องการใช้จ่ายเงินที่คุ้มค่าเกิดประโยชน์แก่ประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งในการเปิดแถลงข่าววันนี้ จะมีการแถลงรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ได้รับทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง และสตง.จะมีแนวทางในการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ซึ่งถ้าหากใครมีข้อมูลหรือเบาะแสอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวข้องเรื่องนี้ สามารถแจ้งเข้ามาที่สตง.ได้ ตลอดเวลา
(หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก U.S. DEPARTMENT OF DEFENSE https://www.flickr.com/photos/secdef/29946163621/in/photostream/)
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าฯ สตง. แถลงผลการตรวจสอบเป็นทางการ ระบุว่า ไม่พบประเด็นการทุจริต และการคิดราคาเช่าเหมาลำที่ 20.9 ล้านบาทของการบินไทย ไม่พบอะไรที่เกินความเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีคณะวีไอพี ซึ่งเป็นคณะของนายกรัฐมนตรีเดินทางไปทำภารกิจต่างประเทศแบบเช่าเหมาลำมาแล้ว ในปี 2557 และปี 2559 ซึ่งเดินทางไปมิลาน และรัสเซีย ส่วนรายชื่อคณะที่เดินทางไป ไม่มีผู้ประกาศข่าวช่อง 5 หรือเอกชนภาคธุรกิจเดินทางไปด้วย มีแต่ผู้สื่อข่าวสายทหารที่เดินทางไป แต่คงไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของคณะที่เดินทางไปด้วยได้ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ และคงไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผย
ผู้ว่าฯ สตง. ยังระบุด้วยว่า ค่าใช้จ่ายที่การบินไทยคิดที่ 20.9 ล้านบาท เป็นการคิดแบบหน่วยงานของรัฐ โดยบวกกำไรและค่าดำเนินการประมาณ 20% ที่เหลือเป็นต้นทุนทั้งค่าเครื่อง ค่าน้ำมัน โดยค่าน้ำมันไปกลับเที่ยวละ 5 ล้านบาท รวมเป็น 10 ล้านบาท ส่วนค่าอาหารประมาณ 6 แสนบาท ซึ่งเป็นอาหาร 4 มื้อ ซึ่งมีที่นั่งชั้น 1 หรือ เฟิร์สคลาส 9 ที่นั่งเท่านั้นที่มีการเสิรฟไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานการบริการของสายการบิน อย่างไรก็ตามการบินไทยยังไม่ได้วางบิล เนื่องจากต้องรอสรุปค่าอาหารเที่ยวขากลับที่โหลดจากฮาวาย ซึ่งจะต้องมีดูเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
"ปกติการเดินทางของหน่วยงานราชการ จะต้องใช้บริการของการบินไทย สาเหตที่ทำให้ต้องเช่าเหมาลำ เพราะสายการบินไทยไม่มีเที่ยวบินที่บินตรง การบินตรงใช้เวลาประมาณ 11ชั่วโมง แต่หากไม่บินตรง แล้วใช้สายการบินของการบินไทยที่มีอยู่จะต้องใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ 16-33 ชั่วโมง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเดินประมาณ 3 แสนบาทต่อคน และหากเป็นระดับวีไอพี ค่าใช้จ่ายจะสูงถึง 5-6 แสนบาทต่อคน"
ผู้ว่าฯ สตง. ยังย้ำด้วยว่า ประเด็นที่สตง.ตรวจสอบคือ การเดินทางครั้งนี้ มีอะไรที่ทุจริต สร้างความเสียหายหรือไม่ คำตอบคือไม่มี งบประมาณที่ออกไปก็เหมือนกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา ส่วนเหมาะสมหรือไม่นั้น จากข้อมูลที่ให้ไปก็คงใช้พิจารณาได้ ซึ่งเรื่องนี้สตง.จะส่งให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 11 ต.ค.นี้เพื่อให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ต่อไป
“เรื่องทุจริต ผมคิดว่าเราตัดออกไปได้ เพราะว่าการไปครั้งนี้ ที่ผมบอกว่า กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา ไม่ได้หมายถึงว่า เราสามารถฟุ่มเฟือยได้ แต่หมายถึงว่า จ่ายให้การบินไทยเท่าไหร่ สตง. ตามไปตรวจได้ และกำไรพอเหมาะพอสมหรือไม่ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือเปล่า อย่างนี้เราติดตามไปตรวจให้ได้ว่า เงินจะไม่มีรั่วไหล ไม่มีใครมาไล่เปอร์เซ็นต์คอมมิชชั่น ไม่เหมือนงานอีเวนท์ทั่ว ๆ ไป” ผู้ว่า สตง. ระบุ