ศาลปกครองตั้งเป้าไต่สวน-พิจารณาคดีในแต่ละชั้น ไม่เกิน 2 ปีเสร็จ
โฆษกศาลปกครอง โชว์ผลการดำเนินงานด้านการพิจารณาคดีตั้งแต่เปิดทำการจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2559 มีคดีเข้ารวม 2 ชั้นศาล รวมทั้งหมด 122,206 คดี ทำคดีแล้วเสร็จ 100,837 คดี คิดเป็น 82%
วันที่ 30 กันยายน ศาลปกครอง จัดการพบปะเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานด้านต่างๆ ของศาลปกครอง ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ
นายประวิตร บุณเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีว่า ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่8) พ.ศ. 2559 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษา โดยแก้ไขมาตรา 6 มาตรา 70 มาตรา 72 และเพิมเติ่มมาตรา 72/1 มาตรา75/1 ถึง 75/4
(1) แก้ไขบทบัญญัติเดิมที่ให้รอการปฎิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นกรณีที่มีการอุทธรณ์ไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด แก้ไขเป็นคู่กรณีที่ชนะคดีในศาลปกครองชั้นต้นสามารถชี้แจงเหตุผลอันสมควรที่จะขอให้มีการปฎิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองชั้นต้นในระหว่างที่มีการอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลปกครองสูงสุดได้
(2) นำบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดี ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับคดีปกครองโดยอนุโลม
(3) หากปรากฎต่อศาลหรือคู่กรณ๊ยื่นคำขอ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลว่า คู่กรณีไม่ปฎิบัติตามหรือขัดข้องในการปฎิบัติตามคำบังคับของศาล หรือคำสั่งกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา ศาลปกครองมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งกำหนดวิธีการดำเนินการหรือมีคำสั่งใด ๆ เพื่อให้การบังคับคดีเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว และหากหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฎิบัติตามคำบังคับของศาลให้ถูกต้องครบถ้วนหรือล่าช้าเกินสมควร และศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจมีคำสั่งให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐชำระค่าปรับต่อศาลปกครองครั้งละไม่เกินห้าหมื่้นบาท และแจ้งผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หรือสั่งการหรือลงโทษทางวินัยได้
2. ได้มีมาตราระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2559 แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 โดยแก้ไขข้อ 71 ข้อ72 และเพิ่มเติม ข้อ72/1 ข้อ76/1
(1) กรณีผู้ฟ้องคดีมีคำขอทุเลาการบังคับตามกฎหมายหรือคำสั่งทางปกครอง เดิมกำหนดให้ศาลต้องไต่สวนก่อนจะมีคำสั่ง แก้ไขเป็นให้ไต่สวนเฉพาะเมื่อศาลเห็นสมควรเท่านั้น
(2) เดิมกำหนดให้จะต้องให้ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอคำแถลงการณ์ก่อนมีคำสั่ง แก้ไขเป็นไม่ต้องให้ตุลาการผู้แถลงคดีคำแถลงการณ์ได้ หากองค์คณะเห็นว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องมีคำสั่งเป็นการด่วน
(3) หากผู้ขอได้มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งโดยเร่งด่วน ศาลอาจมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองได้ โดยไม่ต้องให้คู่กรณีอีกฝ่ายทำคำชี้แจงและไม่ต้องให้ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอคำแถลงการณ์ หากเห็นว่าเป็นกรณีเร่งด่วนและข้อเท็จจริงเพียงพอ แต่ผู้มีส่วนได้เสียอาจยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกคำสั่ง
(4) สำหรับกรณีผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้กำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา กำหนดเพิ่มเติมกรณีผู้ขอมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งโดยเร่งด่วน โดยให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาหรือยกคำขอ โดยไม่ต้องมีคำแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดีก็ให้ หากเห็นว่าเป็นกรณีเร่งด่วนและข้อเท็จจริงเพียงพอ แต่ผู้มีส่วนได้เสียอาจยื่นคำร้องให้ศาลยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้
3.การประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การตรวจคำอุทธรณ์ที่มีข้อเท็จจริงหรือข้อกฏหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ลงวันที่ 9 กันยายน 2559 โดยกำหนดลักษณะของคำอุทธรณ์ที่มีข้อเท็จจริงหรือข้อกฏหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 73 วรรค3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ซึ่งเมื่อองค์คณะเห็นว่าคำอุทธรณ์ใดเป็นอุทธรณ์ที่มีข้อเท็จจริงหรือข้อกฏหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยก็สามารถสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที ซึ่งจะทำให้การพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุดเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว
4.มีคำแนะนำของประธานศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยการจำแนกลักษณะสำนวนคดี ลงวันที่แก้ไข 31 พฤษภาคม 2559 และเพิ่มเติมวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 กำหนดให้แยกคดีออกเป็นสำนวนคดีทั่วไป สำนวนคดีเร่งด่วน และสำนวนคดีสำคัญ ซึ่งจะทำให้สามารถจำแนกความเร่งด่วนของคดีที่ค้างพิจารณาอยู่เป็นจำนวนมากได้ ซึ่งจะทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลดำเนินการอย่างที่ระบบและสอดคล้องกับความเร่งด่วนของแต่ละคดีมากยิ่งขึ้น
ด้านนายสมชาย งามวงศ์ชน ตุลาการหัวหน้าศาลปกครองสูงสุด โฆษกศาลปกครอง กล่าวว่า ศาลปกครองได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของศาล ในรอบปี 2559 เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีและการบังคับสามารถดำเนินการไปโดยราบรื่น รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยระยะเวลาไต่สวนต่อคดีจะพยายามใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ในแต่ละชั้น
สำหรับผลการดำเนินงานด้านการพิจารณาคดีตั้งแต่เปิดทำการจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2559 มีคดีเข้ารวม 2 ชั้นศาล รวมทั้งหมด 122,206 คดี โดยคดีแล้วเสร็จ 100,837 คดี คิดเป็นร้อยละ 82.51 และคดีที่ค้างรวมทั้งหมด 21,369 คดี คิดเป็นร้อยละ 17.49 ซึ่งคาดว่าการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายและระเบียบการพิจารณาพิพากษาคดีใหม่จะช่วยให้การพิจารณาคดีเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น