“เผดิมชัย” เมินแรงงานทวงค่าจ้างขั้นต่ำ 300บ.ทั่วประเทศอีกรอบ
คสรท.ทวงปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300บ.ทันทีทั่วประเทศ อย่าเหลื่อมมาตรฐานช่วยแรงงาน-ผู้ประกอบการ-ขรก. ด้าน รมว.แรงงาน เผยปรับขึ้น 40% นำร่อง 7 จว.พบกันครึ่งทางทั้งลูกจ้าง-นายจ้าง
วันที่ 18 ม.ค.55 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) แถลงข่าว “ทวงปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ข้าราชการกับแรงงานต้องไม่สองมาตรฐาน” ที่มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย กรุงเทพฯ
โดยนายชาลี ลอยสูง ประธาน คสรท. กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปี 2554 ให้แรงงานมีรายได้วันละ 300 บาท ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีรายได้เดือนละ 1.5 หมื่นบาท ภายใน 1 ม.ค.55 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติอุทกภัย คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเลื่อนการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็น 1 เม.ย.55 เพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประกอบการ โดยให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 39.5% นำร่อง 7 จังหวัด และปรับให้ครบทุกจังหวัด 1 ม.ค.56 จากนั้นจะไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างขึ้นต่ำอีกเป็นเวลา 2-3 ปี
นายชาลี กล่าวอีกว่า เป็นการแสดงเจตนาไม่ปฏิบัติสัญญาประชาคมกับผู้ใช้แรงงานกว่า 37 ล้านคน เพียงเพราะมีเสียงคัดค้านจากภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ก็เปลี่ยนแปลงนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำเป็นรายได้ ทั้งยังฉวยสถานการณ์อุทกภัยซ้ำเติมผู้ใช้แรงงานที่เข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เสี่ยงจากการถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้ยังชีพจากค่าล่วงเวลา และได้รับเงินเดือนไม่ครบ ด้วยการเลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ขณะที่รัฐบาลช่วยสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
คสรท.ขอย้ำจุดยืนปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศทันที รวมทั้งคำนึงถึงความเสมอภาคของแรงงานกับข้าราชการที่ควรมีอัตราเงินเดือนเท่ากัน และคัดค้านมติคณะกรรมการไตรภาคีในการไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2-3 ปี ภายหลังการปรับค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาท โดยต้องให้มีโครงสร้างค่าจ้างที่เป็นธรรมสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ โดยมีการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีทุกสถานประกอบการ โดยหากไม่มีการปฏิบัติตามข้อเสนอ คสรท.จะรณรงค์เคลื่อนไหวกับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ
ส่วน นายยงยุทธ เม่นตะเภาะ ประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าแรงงานในกิจการอุตสาหกรรมยานยนต์มีค่าจ้างวันละ 200 กว่าบาท สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำเพียงเล็กน้อย การปรับขึ้น 300 บาทอาจทำให้แรงงานที่ทำงานมานานกับคนงานที่ทำงานใหม่มีค่าจ้างเท่ากัน ดังนั้นรัฐบาลควรทำโครงสร้างการปรับค่าจ้างประจำปืเป็นระบบขั้นบันได เป็นค่าฝีมือและประสบการณ์เพื่อความเป็นธรรม ซึ่งขอย้ำว่าค่าจ้างขั้นต่ำเป็นการทำงานของแรงงานแรกเข้าเท่านั้น และต้องไม่รวมการทำงานล่วงเวลา
นายบุญสม ทาวิจิตร ประธานกลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรีและใกล้เคียง กล่าวว่าปัญหาค่าจ้างที่ไม่มีการปรับขึ้นตามกำหนด ม.ค.55 ทำให้ผู้ใช้แรงงานกระทบ 2 เด้ง คือ 1.การที่รัฐบาลเลิกอุดหนุนงบประมาณพลังงานส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานต้องแบกรับภาระที่สูงขึ้นภายใต้ค่าจ้างที่ต่ำ 2.การเลื่อนปรับค่าจ้างเป็น เม.ย.55 จะทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นอีกครั้ง รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมราคา ไม่เช่นนั้นการปรับค่าจ้างก็ไม่ได้ส่งผลให้ชีวิตแรงงานดีขึ้น และการปรับ 300 บาทเพียง 7 จังหวัดก็ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้แรงงาน
ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าการดำเนินการเรื่องค่าจ้างเป็นไปอย่างประนีประนอมระหว่างฝ่ายแรงงานกับฝ่ายนายจ้าง เนื่องจากฝ่ายแรงงานต้องการให้เพิ่มค่าจ้างสูงขึ้น ขณะที่ฝ่ายนายจ้างไม่ต้องการปรับเพิ่มค่าจ้างแบบก้าวกระโดดเพราะจะเพิ่มต้นทุนที่สูงเกินไป รัฐบาลจึงต้องเป็นคนกลางให้ทั้ง 2 ฝ่ายพบกันครึ่งทาง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าจ้างเป็นไปอย่างสมดุล โดยในส่วนของแรงงานก็ต้องพัฒนาฝีมือ เพื่อให้มีทักษะฝีมือเหมาะสมกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น.