ผ่าโครงสร้างผู้ถือหุ้น'กีธาฯ'5ปีเปลี่ยน4ครั้ง ไร้สัมพันธ์ลึกเครือข่าย 'เสี่ยเปี๋ยง' จริงหรือ?
เปิดหมดข้อมูลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น 'บ.กีธาฯ' ก่อนแจง ปปง. ขอเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ 7 พันล้าน พบนับแต่จดทะเบียนตั้งปี 55 ถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 5ปี เปลี่ยนมาแล้ว 4 ครั้ง เผยข้อสังเกต 2 ประเด็น ไร้สัมพันธ์ลึกเครือข่าย 'เสี่ยเปี๋ยง' จริงหรือ?
หากใครที่ติดตามข่าวการชี้แจงข้อเท็จจริง ของ บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) ซึ่งถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และจำเลยในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 51 บัญชี มูลค่าประมาณ 921 ล้านบาท และที่ดินใน กทม. ภูเก็ต พังงา อยุธยา อ่างทอง จำนวน 611 รายการ มูลค่าประมาณ 5,970 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท ผ่านหนังสือประชาสัมพันธ์ถึงลูกค้าในโครงการคอนโดจำนวน 5 โครงการ ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอไปแล้ว
จะพบว่า มีข้อมูลสำคัญ 2 ประการ ที่ บริษัทกีธาฯ ต้องการสื่อสารให้ลูกค้า ให้รับทราบโดยตรง คือ
1. บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น กรรมการและทีมงานผู้บริหารตั้งแต่ปี 2557
2. บริษัทฯ ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว และไม่เคยประกอบธุรกิจหรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในลักษณะอันเข้าข่ายความผิดมูลฐานเรื่องการฟอกเงินตามที่ คณะกรรมการ ปปง.ได้มีมติแต่อย่างใด
โดยบริษัทฯ ระบุว่า คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ปปง.
(อ่านประกอบ : ให้ชะลอจ่ายค่างวดคอนโด5แห่ง! บ.กีธาฯ แจงลูกค้ารอบ2 ปมถูกอายัดทรัพย์7พันล. , ไม่เกี่ยวข้อง'เสี่ยเปี๋ยง'-ธุรกิจข้าว! บ.กีธาฯ แจงลูกค้าถูกปปง.อายัดทรัพย์ 7พันล.)
ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่บริษัท กีธาฯ ระบุว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น กรรมการและทีมงานผู้บริหารตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท กีธาฯ ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเอกสารที่ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทกีธาฯ ก่อนจะขายต่อให้ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ในปัจจุบัน) ที่แจ้งต่อผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 พบว่าข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
ที่มาของบริษัทฯ
บริษัท สิราลัย จำกัด ถูกจดทะเบียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ทุน 2,200 ล้านบาท แจ้งประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงานที่พักอาศัยรวมปลูกสร้าง ปรากฎชื่อนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร (นามสกุลเดียวกับ “เสี่ยเปี๋ยง” หรือ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ) เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.0250% ซึ่งมีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่เลขที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า คือ เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว ช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
โครงสร้างผู้ถือหุ้นช่วงจัดตั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้น 4 ราย คือ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ถือหุ้นจำนวน 8,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถือหุ้น 1,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร ถืออยู่ 99 หุ้น นางสาวสุธิดา จันทะเอ ถืออยู่1หุ้น. จากทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 2 มีนาคม 2555 แยกเป็นนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 200,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 47,500 บาท นายธนทัต จันทร์สกุลพร 2,475 บาท และ นางสาวสุธิดา จันทะเอ 25บาท
ต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็น 1,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 12,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 18 มิถุนายน 2555 แยกเป็น นายธนทัต จันทร์สกุลพร 119,900,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร. 479,600,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 599,500,000 บาท
ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นในมือผู้ถือหุ้นที่ 4 ราย มีการเปลี่ยนแปลง ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2555 โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 6,003,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 4,797,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,199,099 หุ้น ขณะที่สัดส่วนหุ้นของ นางสาวสุธิดา จันทะเอ ยังเท่าเดิมคือ ถืออยู่ 1 หุ้น
แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1
จากนั้น วันที่ 29 สิงหาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เหลือ 3 ราย โดยปรากฏชื่อ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 4,800,000 หุ้น ขณะที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร และ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่คนละ 3,600,000 หุ้น ขณะที่ นายธนทัต จันทร์สกุลพร และนางสาวสุธิดา จันทะเอ ไม่มีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นอีก (นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข เคยถูกระบุในสำนวนการสอบสวนคดีบ้านเอื้ออาทร ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่าเป็นอดีตกรรมการบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ ซึ่ง คตส. ระบุว่าส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบ ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน )
จากนั้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็นครั้งที่ 2 เป็น 2,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 22,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 15 ตุลาคม 2555 แยกเป็น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 300,000,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร. 300,000,000 บาท และ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข 400,000,000 บาท
ต่อมา ภายหลังจากที่ ป.ป.ช. ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด ในฐานะเอกชนที่สนับสนุนการกระทำความผิดในคดีทุจริตระบายข้าวโครงการรับจำนำ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 บริษัท สิราลัย จำกัด ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และปรากฎรายกรรมการบริษัท 2 คน คือ นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ และ นายผ่านชัย อรุณไพโรจน์
ส่วนนางสาว ธันยพร จันทร์สกุลพร ยังคงมีรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทอยู่
จากการตรวจสอบพบว่า นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ มีชื่อเล่าว่า "ก๋อย" เคยปรากฎชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท สแตนดาร์ด เมทอล จำกัด ผู้ค้าเหล็กและวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ย่านถนนพระราม 2 และมีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆกับ “เสี่ยขุน" ชนะชัย ลีนะบรรจง เจ้าของ บมจ.อีเอ็มซี (EMC) และบมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) ซึ่งเป็นเซียนหุ้นรายใหญ่คนหนึ่งของตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ นายยุทธพงษ์ ถูกระบุชื่อจากสื่อมวลชนว่าเป็นเซียนหุ้นรายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน
แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.57 บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมจำนวน 3 ราย คือ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข จำนวน 8,800,000 หุ้น มูลค่า 880,000,000 บาท นางสาว ธันยพร จันทร์สกุลพร และนายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่คนละ 6,600,000 หุ้น มูลค่า 660,000,000 บาท จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 22,000 หุ้น มูลค่า 2,200,000,000 บาท
มาเป็น บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น มูลค่า 2,199,999,800 บาท ตามด้วยนาย พีรศักดิ์ ไชยกุลงามดี และนาย ยุทธพงศ์ เสรีดีเลิศ ถืออยู่คนละ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
ขณะที่ กรรมการบริษัทมีจำนวน 2 ราย คือ นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ และ นายผ่านชัย อรุณไพโรจน์
ไม่ปรากฏชื่อคนนามสกุล จันทร์สกุลพร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด
แต่ยังคงแจ้งที่ตั้งเดิม คือ เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของบริษัทสยามอินดิก้า
ส่วนข้อมูล บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 มีทุน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 990 อาคารอับดุลราฮิม เพลส ชั้น 31 ห้อง 3101 ถนนพระรามที่ 4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจ เข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบในห้างหุ้นส่วนจำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชน
ปรากฏรายชื่อ นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ (ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ได้แจ้งเลิกบริษัทไปแล้ว)
แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3
จากนั้นในช่วง 25 กันยายน 2557 บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้ามาซื้อกิจการ ของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด จำนวนรวม 21,999,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ KITHA จาก บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (T LAND) ในราคา 800 ล้านบาท และมีการระบุข้อมูลว่า KITHA เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ และมีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน
โดย ADAM ถือหุ้นใหญ่ 99.98% ส่วนนายศุภกร วรธงไชย นางสาวราตรี สายเมฆ ถืออยู่คนละ 0.01%
แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 4
ต่อมาภายหลังจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด)ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีระบายข้าวจีทูจี และถือว่ามีส่วนสำคัญในกระบวนการระบายข้าวแบบจีทูจี โดยตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดนายบุญทรง กับพวก ระบุทำนองว่า ไม่มีการทำจีทูจีเกิดขึ้นจริง แต่ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด เป็นผู้เข้าไปซื้อข้าวดังกล่าวในราคาถูกแบบการขายจีทูจี ก่อนจะมาเวียนขายต่อในประเทศในราคาสูงแทน
วันที่ 16 มี.ค. 2559 บอร์ดฯ ADAM ได้อนุมัติการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (บริษัทถือหุ้นในบริษัท กีธา ร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท กีธา) จำนวนรวม 21,999,998 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ให้กับบริษัท เอ. ที. แลนด์ แอนด์เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ("ผู้จะซื้อ") ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท ในราคาประมาณหุ้นละ 39.45 บาท รวมเป็นมูลค่า 868 ล้านบาท
โดยรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 17 พฤษภาคม 2559 ของ บริษัท กีธาฯ นั้น บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น (เกือบ100%) มูลค่า 2,199,999,800 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2 หุ้น อยู่ในชื่อของ นางสาว ราตรี สายเมฆ และนาย ศุภกร วรธงไชย
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด นั้น เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 30 ธันวาคม 2558 มีทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 598 อาคารคิว.เฮ้าส์ เพลินจิต ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ และจัดการทรัพย์สินให้บุคคลอื่น ปรากฎชื่อ นางสมใจ ศรประสิทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2559 นาง สมใจ ศรประสิทธิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 25,000 หุ้น (50%) เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากจีน ถืออยู่ 24,998 หุ้น (49.9960%) นาย ธานินทร์ พรมมา และนายสมชาย นาราช ถืออยู่คนละ 1 หุ้น (ดูรายละเอียดในตารางประกอบ)
ก่อนที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2559 คณะกรรมการ ปปง. ได้แถลงข่าวยึดอายัดทรัพย์ กลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง รวมถึงบริษัทกีธาฯ รวมวงเงินกว่า 7,000 ล้านบาทอย่างเป็นทางการ
ที่มา : รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในเรื่องการกู้ยืมของบจ. กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จาก Fortune Thailand Investment Fund ของ ADAM ที่แจ้งผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559
ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น และกรรมการ ของบริษัท กีธาฯ ตามที่นำเสนอไป จะพบว่า ภายหลังจากการแจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2 ในช่วง วันที่ 4 มิ.ย.57 ซึ่งปรากฎชื่อ บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ไม่ปรากฎชื่อคนนามสกุล จันทร์สกุลพร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด ตามข้อมูลที่บริษัท กีธาฯ ชี้แจงไว้
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอยู่ 2 ประการ คือ 1. ปัจจุบัน บจ. กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ ก็ยังใช้ที่อยู่เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของบริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งแม้บริษัทสยามอินดิก้า จะแจ้งย้ายที่ตั้งใหม่ไปอยู่จังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.2557 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันบริษัทในเครือของบริษัทสยามอินดิก้า บางแห่งก็ยังคงตั้งอยู่ที่นี่
2. ยังคงเป็นปริศนาเดิมที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน คือ เรื่องเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 2,200 ล้านบาท ที่คนนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ นำมาใช้ในการจดทะเบียนและเพิ่มทุน สรุปแล้ว เงินเพิ่มทุนเหล่านี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นเงินที่เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าวจีทูจีหรือไม่ และเงินจำนวนนี้ ถูกนำไปใช้ในการทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูก ปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้ด้วยหรือไม่อย่างไร
และยังไม่นับรวมถึง ข้อสังเกตเพิ่มเติมอีก 2 ประเด็นที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบก่อนหน้านี้ คือ
หนึ่ง สถานะที่แท้จริงของ กลุ่มบุคคลที่เข้ามาถือหุ้น บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท สิราลัย หรือกีธา คนปัจจุบัน
ทั้งในส่วนของ นางสมใจ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 ว่าเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง หรือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ใคร เพราะจากการตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นางสมใจ ศรประสิทธิ์ แจ้งข้อมูลส่วนตัวว่า มีอาชีพรับจ้าง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 3 ต.พะดง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบใบแจ้งการจองชื่อนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่ง นางสมใจ ศรประสิทธิ์ เป็นผู้ลงนามขอจองชื่อเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2558 พบว่า นางสมใจ ศรประสิทธิ์ ได้แจ้งข้อมูลอีเมล์ติดต่อว่า [email protected] โดยเบื้องต้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง นางสมใจ ศรประสิทธิ์ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในใบจองชื่อนิติบุคคลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าดังกล่าว คือ หมายเลข 089-516-20-XX ปรากฎว่า มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งรับสาย พร้อมปฏิเสธว่า หมายเลขโทรศัพท์เบอร์นี้ ไม่ใช่ของ "นางสมใจ ศรประสิทธิ์"
(อ่านประกอบ : 'อีเมล์' ระบุชัดที่แท้ 'คนสิราลัย' เจ้าของใหม่ บ.กีธา ก่อนปปง.อายัดทรัพย์ 7 พันล.?)
นอกจากนี้ ในส่วนของ เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากประเทศจีน ผู้ถือหุ้น 2 ก็ยังถูกตรวจสอบพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มบริษัทเดียว กับ บริษัท อาร์ทลิช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบกรณีการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642,500,000 บาท ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย เนื่องจากแจ้งที่อยู่เดียวกัน คือ ตั้งอยู่เลขที่ 957 ออฟชอร์ อินคอร์ปอเรชั่นส์ เซ็นเตอร์ ถนนทาวน์ ทอร์โทลา บริติชเวอร์จิน ไอซ์แลนด์ ก็ยังไม่ปรากฎข้อมูลที่ชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลในการระบายสินค้าเกษตรหรือไม่ และที่สำคัญใครเป็นเจ้าของบริษัทจีน ตัวจริงกันแน่?
(อ่านประกอบ :เปิดตัว บ.จีนหุ้นใหญ่ 'สิราลัย'เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง! ใช้ที่อยู่เดียวบ.มันเส้นจีทูจี-'บริติชเวอร์จิน')
สอง บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด (นางสมใจ และเอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากประเทศจีน) นำเงินจำนวน 868 ล้านบาท จากไหนไปซื้อบริษท สิราลัย (หรือ กีธาฯ) คืนกลับมา จาก ADAM ปปง.ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินส่วนนี้หรือไม่ และถ้าหากตรวจสอบพบว่า เป็นเงินที่ไม่มีที่มาที่ไป จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งอายัดเพิ่มเติมหรือไม่ หรือในจำนวนทรัพย์สิน 7,000 ล้านบาท ที่ปปง.อายัดไปแล้ว รวมเงินก้อนนี้ไว้ด้วย
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อเท็จจริงและข้อสังเกต ที่คาดหวังว่า จะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก บริษัท กีธาฯ ในการชี้แจงกับ คณะกรรมการ ปปง. ในเร็วๆ นี้
อ่านประกอบ :
ได้มาจากการทุจริต! ปปง.อายัดทรัพย์ ‘เสี่ยเปี๋ยง-พวก’ 7 พันล.พันคดีข้าวจีทูจี
เปิดตัวหุ้นใหญ่ 'บ.สิราลัย' ก่อนโดนปปง.อายัดทรัพย์7พันล.-ไร้เงาคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง-บ.จีนโผล่?
เปิดตัว บ.จีนหุ้นใหญ่ 'สิราลัย'เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง! ใช้ที่อยู่เดียวบ.มันเส้นจีทูจี-'บริติชเวอร์จิน'
'อีเมล์' ระบุชัดที่แท้ 'คนสิราลัย' เจ้าของใหม่ บ.กีธา ก่อนปปง.อายัดทรัพย์ 7 พันล.?
ไม่เกี่ยวข้อง'เสี่ยเปี๋ยง'-ธุรกิจข้าว! บ.กีธาฯ แจงลูกค้าถูกปปง.อายัดทรัพย์ 7พันล.
เผยโฉม คอนโด5แห่งที่ดิน9แปลง 6.9พันล.! ทรัพย์สิน บ.กีธาฯ ก่อนโดน ปปง.อายัดทรัพย์
ให้ชะลอจ่ายค่างวดคอนโด5แห่ง! บ.กีธาฯ แจงลูกค้ารอบ2 ปมถูกอายัดทรัพย์7พันล.