‘กอบกาญจน์’ เล็งจัดรถทัวร์ 2 หมื่นคัน รับนักท่องเที่ยววันชาติจีน
รมว.ท่องเที่ยวฯ เตรียมรถทัวร์ 2 หมื่นคัน เพื่อรองรับในวันชาติจีน เลขาฯผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจีนชี้ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบหนัก ยกเลิกแล้วกว่า 1.6 หมื่นราย
วันที่ 19 กันยายน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงานเสวนาระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดการปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและสร้างความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยมีบริษัททัวร์เข้าร่วมกว่า 300 บริษัท ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ รายประสงค์
นายชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวถึงกรณีหลังมีมาตรการจัดระเบียบทัวร์และปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทย 16,000 ราย และยกเลิกการจอง 50 % รวมถึงผู้ประกอบการบริษัททัวร์ของประเทศจีนไม่จัดคณะทัวร์ให้เดินทางมายังประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยทั้งระบบ ซึ่งทางสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ได้รวบรวมปัญหาและข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการในประเทศไทยมาเสนอ เช่น การตั้งคำถามที่ว่าบริษัททัวร์ที่เคยได้ใช้บริการเช่ารถบัสของโอเอ หรือการนำนักท่องเที่ยว เข้าไปในร้านขายสินค้าในเครือโอเอ จะมีความผิดด้วยหรือไม่ เนื่องจากวันที่ 17 กันยายน 2559 ซื้อหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจการท่องเที่ยว จะดำเนินคดีกับบริษัทจำนวน386 เครือข่าย ที่เคยใช้บริการในเครือโอเอ
นายชนะพันธ์ กล่าวถึงข้อร้องเรียนปัญหาด้านมัคคุเทศก์ภาษาจีนขาดแคลนนั้น ซึ่งทางผู้ประกอบการ ไม่สามารถจ้างมัคคุเทศก์ภาษาจีนตามที่กรมการท่องเที่ยวกำหนดไว้ได้ เนื่องจากข้อกำหนดว่า ต้องจ้างมัคคุเทศก์มีใบอนุญาตเท่านั้น ส่วนมัคคุเทศก์ที่มีใบอนุญาต บางคนก็ไม่ยอมทำงาน และการเรียกค่าตอบแทนของมัคคุเทศก์ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน
"ส่วนมัคคุเทศก์ที่มีการกระทำผิด เช่น การแอบขายสินค้าหรือขายรายการนำเที่ยวเสริมโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางผู้ประกอบการแสดงความเห็นว่า รัฐควรจะมีมาตราการควบคุม ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังตั้งคำถามว่า รัฐบาลจะจัดหารถบัสใหม่จากที่ใด ให้ทันวันชาติจีนที่จะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก และจะสามารถหารถบัสตามกฎหมายของจีนที่ระบุว่า จะต้องมีประกันภัยทุกที่นั่ง และจะต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งได้หรือไม่"
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นว่า ผู้ประกอบการต้องเชื่อมั่นในนโยบายที่กำลังดำเนินการ โดยกระทรวงฯ ร่วมมือเอกชนจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา อยากให้คนไทยและนักท่องเที่ยวมั่นใจจว่า การท่องเที่ยวของประเทศยังเติบโตและจะทำให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นใจว่า เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าไว้ 2.4 ล้านล้านบาท จะสามารถบรรลุได้แน่นอน
ส่วนเรื่องของการสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทในจีน หากผู้ประกอบการชาวไทยต้องการให้ทางกระทรวงฯ เดินไปทางไปจีนเพื่อพูดคุยกับบริษัทจีนเพื่อเพิ่มความมั่นใจนั้น นางกอบกาญจน์ กล่าาวว่า ก็พร้อมที่จะเดินทางไปทันที เพราะนักท่องเที่ยวจีนมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อตลาดการท่องเที่ยวของไทย และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่า ข่าวที่ 300 กว่าบริษัทจะโดนตรวจสอบนั้น ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ นางกอบกาญจน์ กล่าวด้วยว่า ในวันชาติจีนได้มีการเตรียมมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยมีการสำรองรถบัสนำเที่ยวจำนวน 2 หมื่นคัน ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการและหลังจากนี้ก็จะมีการหารือกันต่อไป ส่วนนโนยายหนึ่งบัสทัวร์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ยังใช้ควบควบคู่กันต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหา
ส่วนพล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวถึงเรื่องการดำเนินคดีตอนนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 3 ข้อหาด้วยกันคือ 1.ข้อหาอั้งยี่ 2.ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 3.ความผิดฐานฟอกเงิน ในขณะนี้อยู่ในส่วนของการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน และส่งฟ้องต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์ และได้แจ้งข้อกล่าวหาไป 5-6 บริษัทแล้ว นั่นก็คือ บริษัท ซินหยวน,บริษัท ฟู่อัน,บริษัท โอเอ และบริษัทในเครือโอเอ ส่วนบริษัทอื่นนอกเหนือจากนี้จะมีการสอบสวนขยายผลต่อแน่นอน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้กล่าวหาในการชี้แจงด้วย แต่คงไม่มีการเรียกทุกบริษัทมาตรวจสอบ เพราะเรามีคณะกรรมการที่สามารถตรวจด้วยตัวเองได้อยู่แล้วว่าบริษัทนั้นๆมีการเกี่ยวข้องหรือไม่กับบริษัทที่กระทำผิด
"ความผิดเมื่อเกิดก็ขึ้นเป็นความผิดอยู่แล้ว ต่อให้หยุดกิจการไปแล้วแต่ตรวจพบทีหลังก็ยังสามารถเอาผิดได้ ทุกบริษัทที่โดนจับก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าทำผิด เพราะมีพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจนำเที่ยวบอกไว้อย่างชัดเจน"
ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวด้วยว่า หลักในการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวจากนี้ไปอยากให้ผู้ประกอบการยึดหลักไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจด้วยความสุจริตไม่ฉ้อฉล ซึ่งตอนนี้กระทรวงการท่องเที่ยวกำลังไปดำเนินการเรื่องกำหนดราคาขั้นต่ำของห้องพักและแพ็คเกจทัวร์อยู่ แต่ระหว่างนี้ก็ไม่ใช่ช่วงสูญญากาศของการท่องเที่ยวในไทยเพราะตลาดการท่องเที่ยวก็ยังดำเนินการต่อไป ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเรื่อยๆ และเน้นย้ำว่าการดำเนินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญทางตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้ดำเนินคดีประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ดูทุกประเทศ ทุกบริษัททัวร์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของไทยทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มีแต่ข้อมูลทัวร์ของประเทศจีน ยังไม่มีข้อมูลทัวร์ของประเทศอื่น