'อีเมล์' ระบุชัดที่แท้ 'คนสิราลัย' เจ้าของใหม่ บ.กีธา ก่อนปปง.อายัดทรัพย์ 7 พันล.?
"... บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด (นางสมใจ และเอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากประเทศจีน) นำเงินจำนวน 868 ล้านบาท จากไหนไปซื้อบริษท สิราลัย (หรือ กีธาฯ) คืนกลับมา จาก ADAM ปปง.ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินส่วนนี้หรือไม่ และถ้าหากตรวจสอบพบว่า เป็นเงินที่ไม่มีที่มาที่ไป จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งอายัดเพิ่มเติมหรือไม่ หรือในจำนวนทรัพย์สิน 7,000 ล้านบาท ที่ปปง. อายัดไปแล้ว รวมเงินก้อนนี้ไว้ด้วยแล้ว ..."
'เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด' จากประเทศจีน ซึ่งปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ ของ บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) ที่เพิ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงมติอายัดทรัพย์พร้อม บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และจำเลยในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ รวม 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2559
ถูกสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มบริษัทเดียวกัน กับ บริษัท อาร์ทลิช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบกรณีการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642,500,000 บาท ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เนื่องจากแจ้งที่อยู่เดียวกัน คือ 957 ออฟชอร์ อินคอร์ปอเรชั่นส์ เซ็นเตอร์ ถนนทาวน์ ทอร์โทลา บริติชเวอร์จิน ไอซ์แลนด์
(อ่านประกอบ : เปิดตัว บ.จีนหุ้นใหญ่ 'สิราลัย'เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง! ใช้ที่อยู่เดียวบ.มันเส้นจีทูจี-'บริติชเวอร์จิน', เปิดตัวหุ้นใหญ่ 'บ.สิราลัย' ก่อนโดนปปง.อายัดทรัพย์7พันล.-ไร้เงาคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง-บ.จีนโผล่?)
แต่ข้อมูลที่ยังไม่ปรากฎชัดเจน อีกประเด็นหนึ่ง คือ นางสมใจ ศรประสิทธิ์ กรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 1 ของ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ ของ บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) เป็นใครมาจากไหนกันแน่?
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นนี้ มานำเสนอแบบชัดๆ ดังนี้
1. จากการตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นางสมใจ ศรประสิทธิ์ แจ้งข้อมูลส่วนตัวว่า มีอาชีพรับจ้าง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 3 ต.พะดง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
2. อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบใบแจ้งการจองชื่อนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่ง นางสมใจ ศรประสิทธิ์ เป็นผู้ลงนามขอจองชื่อเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2558
พบว่า นางสมใจ ศรประสิทธิ์ ได้แจ้งข้อมูลอีเมล์ติดต่อว่า [email protected] (ดูเอกสารประกอบ)
3. จากการวิเคราะห์ข้อมูล ชื่ออีเมล์ [email protected] พบว่า ชื่อ Ratree.s ตรงกับ ชื่อของ นางสาว ราตรี สายเมฆ หนึ่งในผู้ถือหุ้น บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) ในปัจจุบัน (รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 17 พฤษภาคม 2559 ของ บริษัท กีธาฯ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น (เกือบ100%) มูลค่า 2,199,999,800 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2 หุ้น อยู่ในชื่อของ นางสาว ราตรี สายเมฆ และนาย ศุภกร วรธงไชย)
ชี้ให้เห็นว่า อีเมล์ นี้ น่าจะเป็นของ นางสาวราตรี สายเมฆ แล้วทำไม นางสมใจ ต้องใช้อีเมล์ ของ นางสาวราตรี สายเมฆ ในการติดต่อกับหน่วยงานราชการแทน ทำไมไม่ใช่อีเมล์ของตนเอง
สถานะที่แท้จริงของ นางสมใจ เป็นใครมาจากไหนกันแน่?
เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง นางสมใจ ศรประสิทธิ์ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในใบจองชื่อนิติบุคคลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าดังกล่าว คือ หมายเลข 089-516-20-XX
ปรากฎว่า มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งรับสาย พร้อมปฏิเสธว่า หมายเลขโทรศัพท์เบอร์นี้ ไม่ใช่ของ "นางสมใจ ศรประสิทธิ์"
ยิ่งตอกย้ำ สถานะที่แท้จริงของ นางสมใจ มากขึ้นไปอีกว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่?
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับทราบจนถึงขณะนี้ สำนักข่าวอิศรา สามารถสรุปได้ดังนี้
ประการหนึ่ง ในช่วงที่โครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล ที่ได้มาจากโครงการรับจำนำ โดยพบว่า บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
บริษัท สิราลัย ได้ถูกจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมา โดยมีคนนามสกุลเดียวกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เข้าไปถือหุ้น (บริษัท สิราลัย จำกัด ถูกจดทะเบียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ทุน 2,200 ล้านบาท แจ้งประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงานที่พักอาศัยรวมปลูกสร้าง ปรากฎชื่อนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร มีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่เลขที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า คือ เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร)
ขณะที่ บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว ช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
ประการสอง ต่อมาภายหลังจากที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท สิราลัย ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนจำนวน 91 ราย ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวในโครงการรับจำนำแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
บริษัทสิราลัย จำกัด ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น "บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด" พร้อมเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น จำนวน22,000 หุ้น มูลค่า 2,200 ล้านบาท ทั้งหมด โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ มีบริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น มูลค่า 2,199,999,800 บาท ตามด้วยนายพีรศักดิ์ ไชยกุลงามดี และนายยุทธพงศ์ เสรีดีเลิศ ถืออยู่คนละ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
จากนั้น บริษัท สิราลัย ในชื่อของบริษัทกีธาฯ ก็ถูกขายต่อให้กับ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดย ADAM แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้เข้าไปซื้อหุ้น KITHA จำนวนรวม 21,999,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ KITHA จาก บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (T LAND) ในราคา 800 ล้านบาท และมีการระบุข้อมูลว่า KITHA เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ และมีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน
ประการสาม ภายหลังจากที่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีระบายข้าวจีทูจี และถือว่ามีส่วนสำคัญในกระบวนการระบายข้าวแบบจีทูจี โดยตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดนายบุญทรง กับพวก ระบุทำนองว่า ไม่มีการทำจีทูจีเกิดขึ้นจริง แต่ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด เป็นผู้เข้าไปซื้อข้าวดังกล่าวในราคาถูกแบบการขายจีทูจี ก่อนจะมาเวียนขายต่อในประเทศในราคาสูงแทน
ADAM ได้ขายบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ต่อไปให้กับ บริษัท เอ. ที. แลนด์ แอนด์เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ในราคาประมาณหุ้นละ 39.45 บาท รวมเป็นมูลค่า 868 ล้านบาท
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา พบว่า นางสมใจ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 ของ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด มีความเชื่อมโยงกับคนของ บริษัท สิราลัย จำกัด ก็อาจเป็นไปได้ว่า ADAM ได้ขายคืนบริษัท สิราลัย หรือกีธา คืนให้กับคนของสิราลัยเอง โดยได้รับกำไรตอบแทนจากการขายครั้งนี้อยู่ที่ 68 ล้านบาท (ซื้อมาในราคา 800 ล้านบาท ขายคืนกลับอยู่ที่ 868 ล้านบาท)
ทั้งหมด คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ บริษัท สิราลัย หรือกีธา ก็ถูกปปง.ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้ พร้อมกับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ และจำเลยในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ รวม 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท แยกเป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 51 บัญชี มูลค่าประมาณ 921 ล้านบาท และที่ดินใน กทม. ภูเก็ต พังงา อยุธยา อ่างทอง จำนวน 611 รายการ มูลค่าประมาณ 5,970 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีปริศนาที่ต้องค้นหาความจริงกันต่อไปใน 3 ประเด็นหลัก คือ
ประเด็นที่หนึ่ง สถานะที่แท้จริงของ กลุ่มบุคคลที่เข้ามาถือหุ้น บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท สิราลัย หรือกีธา คนปัจจุบัน
ทั้งในส่วนของ นางสมใจ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 ว่าเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง หรือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ใคร ในการเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ รวมถึง เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากประเทศจีน ผู้ถือหุ้น 2 ที่ถูกตรวจสอบพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มบริษัทเดียว กับ บริษัท อาร์ทลิช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบกรณีการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642,500,000 บาท ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลในการระบายสินค้าเกษตรหรือไม่ และที่สำคัญใครเป็นเจ้าของบริษัทจีน ตัวจริงกันแน่?
ประเด็นที่สอง บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด (นางสมใจ และเอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากประเทศจีน) นำเงินจำนวน 868 ล้านบาท จากไหนไปซื้อบริษท สิราลัย (หรือ กีธาฯ) คืนกลับมา จาก ADAM ปปง.ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินส่วนนี้หรือไม่ และถ้าหากตรวจสอบพบว่า เป็นเงินที่ไม่มีที่มาที่ไป จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งอายัดเพิ่มเติมหรือไม่ หรือในจำนวนทรัพย์สิน 7,000 ล้านบาท ที่ปปง.อายัดไปแล้ว รวมเงินก้อนนี้ไว้ด้วยแล้ว
และ ประเด็นที่สาม ยังคงต้องย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของบริษัท สิราลัย (หรือกีธาฯ) ในเรื่องของเงินทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ จำนวนกว่า 2,200 ล้านบาท ที่คนนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ นำมาใช้ในการจดทะเบียนและเพิ่มทุน สรุปแล้ว เงินเพิ่มทุนเหล่านี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นเงินที่เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าวจีทูจีหรือไม่ ปัจจุบันเงินยังอยู่ครบถ้วนตามปกติ หรือถูกโอนเคลื่อนย้ายไปที่อื่นหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ตัวเลขในกระดาษเท่านั้น
ซึ่งสำนักข่าวอิศรา มีความเชื่อว่า ถ้าความจริงทั้ง 3 ประเด็นนี้ ถูกเปิดเผยข้อมูลออกมาครบถ้วน สาธารณชนน่าจะได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ บ.สิราลัย หรือกีธา ว่ามีความเชื่อมโยง กับคดีระบายข้าวจีทูจี มากขึ้น
และน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่ยืนยันได้ว่า แท้จริงแล้ว โครงการรับจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มุ่งให้ประโยชน์ใครกันแน่ ระหว่าง 'ชาวนา' กับ 'เอกชน' ผู้ใกล้ชิดนักการเมือง บางรายกันแน่
อ่านประกอบ :
ได้มาจากการทุจริต! ปปง.อายัดทรัพย์ ‘เสี่ยเปี๋ยง-พวก’ 7 พันล.พันคดีข้าวจีทูจี