ข้องใจ'กรมศุลฯ'ไม่โดนด้วย!อดีตสรรพากร คดีคืนแวต4.3 พันล. ขออุทธรณ์โทษไล่ออก
อดีตสรรพากร พื้นที่สมุทรปราการ 1 คดีโกงภาษีแวต4.3พันล. วอน ก.คลังอุทธรณ์โทษโดนไล่ออกจากราชการ ยันบริสุทธิ์ไม่รู้เห็นเรื่องทุจริต! ทำงานตามขั้นตอน ข้องใจ 'กรมศุลฯ' ไม่โดนอะไรด้วย ทั้งที่เป็นฝ่ายยืนยันว่าเอกชนส่งสินค้าออกไปจริง
จากกรณีมีข่าวนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ได้ส่งผลการสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร 14 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ส่งออกเป็นเท็จ มีความเสียหาย 4,000 กว่าล้านบาท ให้กระทรวงการคลังดำเนินการต่อไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายพายุ สุขสดเขียว อดีตสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกตรวจสอบพบปัญหาการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม และถูกกระทรวงการคลัง ออกคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการไปแล้ว ในช่วงเดือนมิ.ย.2558 ที่ผ่านมา เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ไม่ทราบว่าผลการสอบวินัยเจ้าหน้าที่สรรพากรทั้ง 14 ราย ที่กรมสรรพากรส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังไปแล้วมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง แต่ในส่วนของตนขณะนี้อยู่ระหว่างการขออุทธรณ์คำสั่งไล่ออกจากราชการดังกล่าว ซึ่งยื่นตามขั้นตอนไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลตอบรับอะไรออกมา
นายพายุ ยังระบุด้วยว่า "ณ วันนี้ ผมยังยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด และการทำงานที่ผ่านมา ก็ยึดระเบียบขั้นตอนปฏิบัติของราชการทุกอย่าง ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงถูกลงโทษด้วย"
นายพายุ ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการอนุมัติขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของตนนั้น แต่ผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอน ไม่ใช่ว่ามีการเสนอเรื่องเข้ามาให้พิจารณา ก็เซ็นอนุมัติคืนไปทันที ตนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลซ้ำหลายครั้ง และทุกเรื่องต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบครบถ้วนถึงจะอนุมัติ
"และที่สำคัญมีการส่งเรื่องไปยืนยันกับกรมศุลกากรด้วย ซึ่งกรมศุลกากร ก็ยืนยันว่าเอกชนมีการส่งสินค้าออกไปจริง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงถูกชี้มูลความผิดและถูกลงโทษ แต่ในส่วนของกรมศุลกากร กลับไม่โดนอะไรเลย" อดีตสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 รายนี้ระบุ
และกล่าวทิ้งท้ายว่า "ตอนนี้ผมยังรอความหวังว่าการยื่นเรื่องอุทธรณ์ของผม จะได้รับการพิจารณาจากทางกระทรวงการคลัง เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเรื่องนี้ด้วยจริงๆ และในช่วงชีวิตการทำงานราชการที่ผ่านมา ก็ทุ่มเททำงานรับใช้ประเทศชาติมาตลอด แต่วันนี้ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ในชีวิต มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย"
(อ่านประกอบ : เบื้องหลังเปิดโปงทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล. ข่าวเจาะแห่งปี“สำนักข่าวอิศรา”)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2559 โพสต์ทูเดย์ ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งระบุในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้ขายใบกำกับภาษีปลอมแล้ว 13 ราย และก่อนหน้านี้มีผู้ขายและซื้อที่กระทำผิดจำนวน 4,700 ราย ซึ่งกรมสรรพากรได้ดำเนินทางคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายมาได้ทั้งหมดแล้วรวมถึงคดีอาญากับผู้ขายซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ด้านการสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร 14 คน ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ส่งออกเป็นเท็จมีความเสียหาย 4,000 ล้านบาท ได้ส่งผลสอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ อธิบดีกรมสรรพากร ระบุด้วยว่า กรมสรรพากรได้ร่วมกับตำรวจเข้าจับกุมแก๊งขายใบกำกับภาษีปลอมรายใหญ่จังหวัดนนทบุรีซึ่งประกอบการขายวัสดุก่อสร้างบังหน้า ซึ่งสร้างความเสียหายกว่าพันล้านบาท โดยมีกลุ่มนิติบุคคลจำนวนหลายรายมีพฤติการณ์กระทำความผิดร่วมกัน ด้วยการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าจริง
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายรายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีการยื่นยอดขายภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) บังหน้าเพื่อให้ดูสมจริงเป็นมูลค่าสินค้ากว่าพันล้านบาท ซึ่งความเสียหายที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยกรมสรรพากรจะขยายผลจากข้อมูลที่มีอยู่ในครั้งนี้
สำหรับผู้ขายและซื้อใบกำกับภาษีปลอมมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยทางแพ่งต้องชำระภาษีที่ต้องเสียให้ครบพร้อมค่าปรับ 2 เท่า และเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ขณะที่โทษทางอาญา มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 2 แสนบาท และโทษทางแพ่ง