บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 บัญชี 7 สั่งสอบ 'ผอ.เจ้าท่า-ประมงอำเภอ-ตร.' 21 ราย ขีดเส้น 30 วันรู้ผล
แพร่ทางการบัญชีที่ 7 คำสั่งหัวหน้าคสช. ใช้ 'ม.44' พักงาน'ผอ.เจ้าท่า-ประมงอำเภอ-ตร.-นักการเมืองท้องถิ่น' รวมเบ็ดเสร็จ 21 ราย เข้าสู่กระบวนการสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ เผยให้ ศอตช. แจ้งข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคกก.สอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากไม่มีความผิด ให้เยียวยากลับไปดํารงตําแหน่งระดับเดิม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2559 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 52/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 7
ระบุว่า ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2558 นั้น
โดยที่หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่ของตนหรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือดําเนินการหรือไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบ จึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและกําหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติมอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจําหน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ข้อ 2 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 2 ข้าราชการตํารวจ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการโดยไม่ขาดจากตําแหน่งเดิมและให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิมเป็นการชั่วคราว โดยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ จะมีคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ
ในกองบัญชาการตํารวจแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบก็ได้
ข้อ 3 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารและผู้มีตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
ข้อ 4 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสมในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพ.ศ. 2558 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้
ข้อ 5 ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุแห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของผู้นั้นให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช.เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดําเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้วแต่กรณีเพื่อขยายเวลาได้ตามความจําเป็น
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความผิดตามที่ได้รับแจ้ง หรือมีความผิดประการอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยและกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไปเมื่อดําเนินการใด ๆ ตามวรรคนี้แล้ว ให้แจ้ง ศอตช. ทราบ
ข้อ 6 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ 5 หากไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัยให้ผู้บังคับบัญชาสรุปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วแจ้งให้ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้งหรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเรื่องที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อนมีจํานวน 3 ถึง 5 คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกตรวจสอบกับรายงานหรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่งและให้มีอํานาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคําได้โดยคณะบุคคลดังกล่าวอาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรือหลายรายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถูกต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดําเนินการตามคําสั่งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดําเนินการทางวินัยโดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับข้าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมายหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข้อ 7 เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ 6 แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความบกพร่องใดๆในการปฏิบัติงานหรือไม่มีมูลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิใช่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยาโดยให้ผู้ถูกตรวจสอบไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ให้กลับไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ทั้งนี้ ศอตช. อาจมีคําแนะนําการเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคํานึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ของทางราชการประกอบกัน
ข้อ 8 ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่ง หากปรากฏว่าผู้มีรายชื่อตามคําสั่งยังคงถูกดําเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจนกว่าจะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดําเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่งได้เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการในกรณีของผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คําว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และคําว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดํารงตําแหน่งอื่นนอกพื้นที่ได้ นายกรัฐมนตรีอาจเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้โดยให้ไปปฏิบัติงานในตําแหน่งเดิมได้
ข้อ 9 ในกรณีที่ชื่อและตําแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียนประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน
ข้อ 10 การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่างๆตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ 11 ในกรณีมีปัญหา ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดําเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
ข้อ 12 นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 13 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2559
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(ดูคำสั่งฉบับเต็ม http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/197/12.PDF)
อ่านประกอบ :
'บิ๊กตู่'ใช้ม.44 สอบทุจริตขรก.-นักการเมืองท้องถิ่น 60ราย ลอต4 ไม่ผิดคืนตำแหน่งให้
นายกฯใช้ ม.44 เชือดยกลอต"บิ๊กขรก. ล้าง ก.ท่องเที่ยว-นักการเมืองท้องถิ่น 45 ราย
'บิ๊กตู่'ฟัน ขรก.ลอตสอง 71 ราย- อธิบดีพช. เลขาฯสปช. ปลัดท่องเที่ยว-7นายก อบจ."
‘บิ๊กตู่’ใช้ ม.44 ปลด ขรก.-นักการเมืองท้องถิ่นกราวรูด 59 คน-พ่วง 7 บอร์ด สสส.