ผบ.ตร.เอาจริง โดนใบสั่ง ไม่จ่ายค่าปรับ เพิ่มโทษ ทำผิดซ้ำพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับแบงก์กรุงไทย เพิ่มช่องทางรับชำระค่าปรับจราจร ด้านผบ.ตร. เล็งเพิ่มโทษผู้ที่ไม่จ่ายค่าปรับ ย้ำทำผิดซ้ำจะมีการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ เสนอแก้ไขพ.ร.บ.ทางบกแล้ว เปิดสถิติใบสั่งที่ค้างชำระ 40 %
วันที่ 30 สิงหาคม 2559 พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมแถลงข่าว ความร่วมมือในการรับชำระค่าปรับจราจร โดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ เป็นการร่วมขับเคลื่อนนโยบาย National e-Payment ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานงานด้านบริการประชาชน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกันพัฒนาระบบรองรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เนื่องจากธนาคารกรุงไทยมีศักยภาพในการติดตั้งระบบการเชื่อมต่อข้อมูลรองรับการชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย มีระบบตรวจสอบการรับส่งเงิน ตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด จึงมั่นใจว่า บริการรับชำระค่าปรับจราจรผ่านธนาคารกรุงไทย จะช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลา และภาระในการเดินทางของประชาชน และจะให้บริการรับชำระด้วยบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ผ่านตัวแทนรับชำระเงิน (Banking Agent) และเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงแผนจะนำกล้องบันทึกภาพติดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อตรวจจับรถยนต์ที่จอดในที่ห้ามจอดหรือจอดกีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่แออัด หากพบผู้ฝ่าฝืนตำรวจจะออกใบสั่งออนไลน์ และเชื่อว่าจะเป็นการลดจำนวนรถยนต์สวมทะเบียนปลอม โดยเริ่มใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯก่อนนำไปใช้จริงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ในอนาคต
"หากผู้ที่ไม่จ่ายค่าปรับก็จะมีการเพิ่มโทษและหากกระทำผิดซ้ำจะมีการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเสนอแก้ไขพ.ร.บ.ทางบกแล้ว โดยสถิติใบสั่งที่ค้างชำระมีไม่เกิน 40 %"
ด้านนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเสริมการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยขยายช่องทางรับชำระเงินค่าปรับจราจร ให้กับประชาชนที่ได้รับใบสั่งจราจรในรูปแบบไม่ยึดใบขับขี่ จากเดิมที่ต้องไปชำระที่สถานีตำรวจ ซึ่งจะให้บริการรับชำระกับผู้ที่ได้รับใบสั่งจากกล้องของกองบังคับการตำรวจจราจร กองบังคับการตำรวจทางหลวง และสถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนำใบสั่งที่ออกตั้งแต่ 1 กันยายน 2559 และมีแถบบาร์โค้ดไปชำระที่เคาน์เตอร์สาขากว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ และ KTB netbank ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ และผ่านเครื่องเอทีเอ็มกว่า 9,000 เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2559 นอกจากนี้ ธนาคารจะขยายการรับชำระใบสั่งทุกประเภท