เลขากอช.เล็งเสนอรัฐเพิ่มเงินสมทบ หลังพบ 1 ปี ยอดสมัครไม่ทะลุเป้า
เลขากอช.เล็งเพิ่มช่องทางสมัครกระตุ้นยอด หลังพบเกือบ 1 ปี ยังไม่ทะลุเป้า รับเงินสมทบยังไม่น่าดึงดูด สำหรับพ่อค้าแม่ค้า อาชีพหาเช้ากินค่ำ
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา ถึงการเปิดรับสมาชิกกอช.มาครบ 1 ปี ยังมียอดสมาชิกไม่ถึงเป้านั้น ส่วนหนึ่งเพราะบุคคลที่มีสิทธิสมัครเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ โอกาสที่จะสนใจในการออมเพื่อเก็บไว้กินในอายุ 60 ปีจึงไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ฉะนั้นต้องมีการสร้างความเข้าใจในการออมเพื่อเก็บไว้ใช้ในวัยชราให้มากกว่านี้
“อยากให้ประชาชนที่มีรายได้ไม่สูงมากตระหนักถึงความสำคัญในการออม แต่ทางเราก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้กองทุนนี้ดูน่าสนใจ โดยปัจจุบันมีการสมทบให้กับช่วงของอายุ 15-30 ปี รัฐจะสมทบให้ 50 % อายุ 30-50 ปี จะสมทบทุนให้ 80 % และอายุ 50 ปีขึ้นไปสมทบให้ 100 %”
นายสมพร กล่าวถึงข้อจำกัดของเงินสมทบ บุคคลที่มีกำลังที่จะสามารถสมทบได้มากที่สุดคือ 1,200 บาท หากบุคคลใดต้องการออมมาก รัฐก็จะสามารถสมทบได้แค่ 1,200 บาท ดังนั้นสำหรับบางคนที่มีกำลังออมมากอาจจะดูไม่น่าสนใจเท่าที่ควร
“ปัจจุบันพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ เมื่อมีรายได้ ก็นำรายได้ในแต่ละวันไปจ่ายหนี้นอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยที่สูงมาก ฉะนั้นต้นทุนทางการเงินค่อนข้างสูง เมื่อเทียบการออมกับกอช. ซึ่งถือว่า ได้ผลตอบแทนต่ำอยู่ กำลังคิดว่า มีหนทางใดที่จะให้รัฐบาลเพิ่มสมทบมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับ กอช. โดยอยู่ในระหว่างการนำเสนอเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มยอดสมทบ ตามบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ. รัฐบาลสามารถสมทบกองทุนได้สูงสุด 6 พันบาท”
เลขาธิการกอช. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้โปรโมทไปยังโรงเรียนต่างๆ กำลังพูดคุยกับหน่วยงานราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปว่า ถ้าเด็กที่มาทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี สามารถที่จะทำการออมกับกอช.ได้ทันที
“ที่เห็นว่า กอช.โปรโมทหนักไปอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีนั้น เพราะมีพ.ร.บ.ฯ นี้ให้สิทธิ์เป็นกรณีพิเศษจะสิ้นสุดวันที่ 25 กันยายน 2559 หลังจากนั้นกอช.จะกระตุ้นทั้งวัยเด็กและวัยทำงานมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องของผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีอยู่ 6 % ของสมาชิกทั้งหมด ณ ปัจจุบัน”
นายสมพร กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีช่องทางการสมัครเข้าร่วมกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) อยู่ 3 ธนาคารหลัก คือ 1.ธนาคารออมสิน 2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) และ 3.ธนาคารกรุงไทย ซึ่งทั้ง 3 ธนาคารมีสาขาอยู่ 37,000 แห่งทั่วประเทศ ประชาชนสามารถเข้าไปสมัครได้ตามเวลาเปิดปิดของธนาคาร
“เราได้มีการคุยกับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางอีก 2 ธนาคาร เพื่อมาเพิ่มช่องทางในการรับสมัคร นอกจากนั้น กอช.อยู่ในช่วงการวางระบบไอทีเพื่อให้เสถียรมากยิ่งขึ้น หากระบบไอทีเสถียรก็จะไปพัฒนาต่อในเรื่องแอพพลิเคชั่นมือถือบนมือถือ ซึ่งจะทำให้การสมัครมีความสะดวกมากขึ้น แต่ต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง และตอนนี้ กอช. กำลังทบทวนแบบฟอร์มใบสมัครให้ใช้เอกสารประกอบน้อยที่สุดเพื่อเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น”