บูรพาภิวัตน์กับระเบียบอำนาจโลก
"...ในเวลานี้ที่ตั้งของเรา "ดี" ที่สุดแห่งหนึ่งของอาเซียน เอเชีย หรือกระทั่งโลก เราจะปล่อยให้ "โอกาสทอง" นี้หลุดมือไปได้อย่างไร?... "
ศ.ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ โพตส์บทความในเฟซบุ๊คส่วนตัว เอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatas เรื่อง บูรพาภิวัตน์กับระเบียบอำนาจโลก
----------
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมเขียนหนังสือ "บูรพาภิวัตน์: ภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกใหม่" ชี้ว่าโลกไม่ได้เป็นของมหาอำนาจตะวันตกแต่ผู้เดียวอีกแล้ว จีนและประเทศทางด้านตะวันออกของโลกกำลังรุ่งเรือง เติบโตเข้มแข็ง เร็วผิดปกติ ช่องว่างเชิงอำนาจระหว่างตะวันตกกับตะวันออกแคบลงเรื่อยๆ เพราะตะวันตกเองก็เติบโต้ช้าลงมากและต้องอลเวงปั่นป่วนจากหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน-ภาคครอบครัวของเขาด้วย
ต่อมาสหรัฐพยายามออกจากสงครามอาฟกานิสถานและอิรัก พยายามจะหันหน้าคืนสู่เอเชีย ที่เรียกว่า Pivot to Asia เมื่อจะเริ่มสมัยทีสองของโอบามานั้น ปรากฏว่าประเทศแรกในโลกที่ประธานาธิบดีผิวดำผู้นี้มาเยือนก็คือกรุงเทพฯพร้อมกันนั้นก็เยือนพม่าและเขมรไปด้วย และกองทัพเรือของสหรัฐก็จะถ่ายนำ้หนักออกจากอ่าวเปอร์เซียของมหาสมุทรอินเดียมายังทะเลจีนของมหาสมุทรแปซิฟิกจากนั้นเป็นต้นมาความขัดแย้งทางทะเลระหว่างจีนกับญี่ปุ่นและจีนกับบางชาติในอาเซียนก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เมื่อสหรัฐทำท่าจะหนุนหลังประเทศที่ขัดแย้งกับจีน
ประเทศไทยนั้นไม่ควรสนับสนุนใครในความขัดแย้งระดับโลกและระดับภูมิภาค หากต้องช่วยเยียวยาและช่วยให้จีนอยู่กับอาเซียนอย่างดีและช่วยให้จีนกับอเมริกานั้นลดความตึงเครียดระหว่างกันลง หน้าที่เรามิใช่ไปสนใจว่าระหว่างจีนกับอเมริกาใครจะแพ้ใครจะชนะ นั่นไม่ใช่กงการของเรา แต่เราต้องได้ประโยชน์ได้มิตรจิตรมิตรใจจากสองมหาอำนาจของโลกนี้
ในยามนี้มีเสียงวิพากษ์อเมริกาที่ยังปฏิบัติต่อไทยราว "เด็กน้อย" ในสังกัด "เร่งรัด"ให้ไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตย "รับฟ้อง" ปัญหาสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน และ "กวดขัน" ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังเป็นต้น
จริงอยู่ในระยะปานกลางและระยะยาวเราต้องทำเรื่องเหล่านี้ได้เอง ตามความคิดความอ่านของเราเอง และสิ่งที่เราทำอาจจะไม่เหมือนกับที่ตะวันตกทำ แต่เฉพาะหน้านี้ไม่ควรใช้อารมณ์ตอบโต้ท่าทีอเมริกาที่สะท้อนว่ายังคิดแบบยุคยี่สิบปีที่แล้ว ทีตนเองใหญ่อยู่คนเดียวในโลกนี้ อเมริกายังคิดตามโลกไม่ทัน แต่เราไม่จำเป็นต้องคิดช้าตามเขา โลกเปลี่ยนไปมากครับ ไม่ได้เป็นของอเมริกาและยุโรปเท่านั้น
ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นก็ต้องรักษาและเพิ่มพูนให้เป็นพิเศษ เพราะมีนัยต่อการพัฒนาประเทศของเราไปอีกนานและอาจจะตลอดไป ญี่ปุ่นเองจะไม่มีวันทิ้งอาเซียนอย่างแน่นอน และ สำหรับญี่ปุ่นแล้วไทยเป็นสำนักงานใหญ่ในภาคพื้นทวีปอาเซียนของเขา เป็นประเทศที่มีชาวญี่ปุ่นพักอาศัยมากที่สุดในโลกนอกเหนือจากเกาะญี่ปุ่นเอง
ในยุคบูรพาภิวัตน์นี้แม้คู่ประชันขันแข่งหลักคือจีนกับอเมริกา แต่ใช่ว่าสองมหาอำนาจนี้จะกำหนดอะไรในโลกนี้ได้มากนัก ยังมีตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตก ยังมีรัสเซีย ซึ่งสำคัญมาก และอาจเกี่ยวมาถึงเมืองไทยไม่น้อย
ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ ปัญหาการวางระเบิดในกรุงเทพฯหลายครั้ง ปัญหาการวางระเบิดหลังลงประชามติ ล้วนเป็นการกระทำขององค์กรก่อการที่ไม่ใช่รัฐ อันมีอยู่มากมาย รวมไปถึงไอเอสที่ก่อความรุนแรงและขยายผลไปถีงยุโรปเวลานี้ เราต้องสนใจปัญหาของมุสลิมโลก ปัญหาในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างอิสลามกับคริสต์หรือกับอิสลามกับทุนนิยมให้มากกว่านี้ และไม่ตีความเหตุการณ์ตามโลกทัศน์ของตะวันตกอย่างเดียวอย่างที่ทำกันอยู่ในเวลานี้ ไทยเราจะหาความสงบไม่ได้อีกเลย ถ้าไม่สนใจไม่เข้าใจตะวันออกกลาง ไม่ใส่ใจที่จะเป็นมิตรกับองค์กรอำนาจทั้งที่เป็นรัฐและไม่ใช่รัฐในโลกมุสลิมให้ได้
อเมริกาจะคืนกลับสู่เอเชีย มารับมือจีน อย่างเต็มที่ ไม่มีทางได้ กำลังทางอากาศและนาวีก็เช่นกันจะถูกตรึงเอาไว้ในตะวันออกกลางต่อไป แม้ว่าจะออกจากอาฟกานิสถานและอิรักได้แล้วอเมริกาจะยังต้องยุ่งกับซีเรีย อิหร่าน และไอซิส ต่อไป และหากจัดการกับตุรกีไม่ดีก็จะยิ่งผละตัวออกจากเอเชียตะวันตกและตะวันออกกลาง ตามแผนไม่ได้
Pivot to Asia หรือ การหวนคืนสู่เอเชียจะเป็นเพียงคำขวัญต่อไปเท่านั้น ไม่ง่ายครับที่อเมริกาจะผันกำลังคืนมายังเอเชียและอาเซียนเรา เราคงจะต้องอยู่กับจีน อาเซียน และญี่ปุ่น แทบจะโดยลำพังต่อไปอีกนาน
รัสเซีย นี่ก็ประมาทไม่ได้ แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีนัก แต่ภูมิศาสตร์และกำลังรบของชาตินี้จัดอยู่ในระดับโลกครับ รัสเซียเวลานี้มีแนวโน้มใหม่ครับที่จะไม่คิดว่าตนเป็นตะวันตก แต่ก็จะไม่ใช่ตะวันออก ด้วย จะเป็น "ยูเรเชีย" ครับคือเป็นส่วนผสมที่ภาคภูมิใจของยุโรปกับเอเชีย พร้อมๆกับเป็นสะพานเชื่อมทวีปยุโรปกับเอเชีย มีวัฒนธรรมเฉพาะอันผสมผสานสองทวีปและผุดบังเกิดเองจากการที่มีดินแดนเชื่อมทางตะวันตกของเชียเข้ากับทางตะวันออกของยุโรป
การที่รัสเซียเข้ามายึดไครเมียคืนและสนับสนุนสงครามในยูเครนนั้น หากไทยเรายังอยู่ในโลกยุคยี่สิบปีที่แล้ว ก็ควรจะรับคำอธิบายจากตะวันตกอย่างเดียว คือรัสเซียดื้อ ก้าวร้าวต่อเพื่อนบ้าน ทีจริง รัสเซียกำลังหาเอกลักษณ์อัตลักษณ์ใหม่ กำลังสร้าง "เพื่อนบ้านใหม่" ที่เดิมเองก็ร่วมอยู่ในรัฐโซเวียตเดียวกัน เพื่อนบ้านเหล่านี้ต้องไม่เข้าใกล้อเมริกาและยุโรปจนเกินไปจนเป็นภัยคุกคามหรือท้าทายตน ตะวันตกจะเอาแต่ขยายยูโรและนาโตจนประชิดดินแดนรัสเซียอย่างง่ายดายอย่างเดิมไม่ได้แล้ว โลกเปลี่ยนไปแล้ว ตะวันตกจะถูกท้าทายและต่อต้านจากทุกส่วนของโลกไม่ยากนัก
รัสเซียก็มีประโยชน์และผลกระทบต่อไทยแม้จะยังไม่มากเท่าตะวันตก จีน หรือญี่ปุ่น แต่ความสัมพันธ์ที่ดีที่สม่ำเสมอกับมหาอำนาจนี้ก็สำคัญมาก ปูตินเองรักเมืองไทยและโปรดปรานพัทยามาก ความช่วยเหลือทางอาวุธ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะ ดนตรี จากรัสเซีย คือความช่วยเหลือที่คุณภาพจะอยู่ในระดับโลกได้นะครับ
ประเทศไทยเรามีที่ตั้งที่เป็นเลิศครับ เป็นที่ที่พลังแทบทุกฝ่ายจะมาบรรจบกัน เป็นที่ที่อินเดียจะมาหา จีนจะมาหา อาเซียนอื่นๆจะมาทำงาน ญี่ปุ่นจะปักหลัก อเมริกาอยากหวนคืน รัสเซียอยากใกล้ชิดขึ้นและใกล้ชิดตลอดไป พลังมุสลิมระหว่างประเทศก็ขับเคลื่อนเข้ามาในดินแดนเราด้วย องค์กรไร้รัฐ องค์กรที่ไม่ใช่รัฐ องค์กรใต้ดิน อาชญากรรม ก็อาศัยไทยเป็นที่พึ่งพิงและฐานปฏิบัติการไม่น้อย
เบื้องหน้าเรามีทั้งภยันตราย-ปัญหา มีทั้งความรุ่งโรจน์-อนาคต เราควรเอาความรุ่งโรจน์และอนาคตเป็นโจทย์ครับ ไม่อย่างนั้นวิญญาณบรรพบุรุษจะแช่งด่า เพราะเราทำตัวไม่สมกับแผ่นดินทองที่บรรพชนมอบให้
ในยุครัชกาลที่ห้านั้น ที่ตั้งของเรา "เลวร้าย" ที่สุด เพราะถูกล้อมไว้ด้วยอังกฤษและฝรั่งเศส ชาติเพื่อนบ้านที่เคยรบเคยรักกันมาหายหมดแล้ว เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษและฝรั่งเศส
ในเวลานี้ที่ตั้งของเรา "ดี" ที่สุดแห่งหนึ่งของอาเซียน เอเชีย หรือกระทั่งโลก เราจะปล่อยให้ "โอกาสทอง" นี้หลุดมือไปได้อย่างไร
สนใจหนังสือติดต่อได้ที่ 02-938-8826