"ภราดร"อดีตเลขาฯสมช. เตือนอย่าละเลยประเด็น BRN ป่วน 7 จังหวัดใต้
“ประเด็นบีอารเอ็นเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ พี่คิดว่าเรามองข้ามไม่ได้เลย เพราะบีอาร์เอ็นมีศักยภาพที่จะทำได้ และมีปัจจัยแวดล้อมหลายๆ อย่างที่เกื้อหนุนให้กระทำ”
เป็นบทวิเคราะห์จาก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือที่รู้จักกันดีในวงการความมั่นคงว่า “เสธ.แมว”
พล.ท.ภราดร โลว์โปรไฟล์มาตลอดนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อ 22 พ.ค.57 โดยเขาถูกย้ายออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ก่อนหน้ายึดอำนาจไม่นาน เพื่อเปิดทางให้ นายถวิล เปลี่ยนศรี กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ตามคำสั่งศาลปกครองที่ชี้ว่าการโยกย้ายนายถวิลออกจากตำแหน่ง โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กว่า 2 ปีที่ผ่านมา พล.ท.ภราดร ปรากฏชื่อในหน้าสื่อน้อยยิ่งกว่าน้อย แต่เหตุระเบิดปูพรม 7 จังหวัดภาคใต้ที่น่าตระหนกตกใจอย่างยิ่ง คงทำให้อดีตเลขาธิการ สมช.ผู้นี้ทนไม่ไหว...
“พี่เชื่อว่าประเด็นการขยายพื้นที่ปฏิบัติการของบีอาร์เอ็นมีน้ำหนักมากกว่าเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง” เสธ.แมว บอก
เขาออกตัวว่าที่ออกมาพูดนี้เพราะเคยทำงานด้านความมั่นคง และเคยรับผิดชอบปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐภายใต้การนำของ “บีอาร์เอ็น” เมื่อปี 2556 ด้วย ทำให้อ่านสถานการณ์ครั้งนี้ว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนนาม “บีอาร์เอ็น” น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
“มันมีร่องรอยการข่าวอยู่ จะเห็นได้ว่าก่อนเกิดเหตุ มาเลเซียมีปฏิบัติการซีลแนวชายแดนตลอดแนว ในทางความมั่นคงก็พอจะรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แม้เขาไม่ได้ประสานเราตรงๆ เมื่อเกิดระเบิดและมีการตรวจพบหลักฐานว่าโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้ในการจุดระเบิดถูกส่งมาจากประเทศมาเลเซียทั้งหมด สมมติฐานมันก็ยิ่งชัด”
เสธ.แมว อธิบายต่อว่า มูลเหตุที่ทำให้บีอาร์เอ็นตัดสินใจปฏิบัติการนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะต้องการตอบโต้รัฐบาลไทยที่ทำให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขหยุดชะงักไป
“เราต้องยอมรับว่าการพูดคุยหยุดไปตั้งแต่เดือน เม.ย.59 มันไม่ความคืบหน้าเพราะเราไม่ยอมรับร่างข้อเสนอกรอบการพูดคุย ไม่ยอมรับข้อเสนอของเขาแม้แต่ข้อเดียว และยังแสดงท่าทีไม่ให้เกียรติ จุดนี้น่าจะทำให้บีอาร์เอ็นไม่พอใจ และตัดสินใจปฏิบัติการ” เสธ.แมว วิเคราะห์
อดีตเลขาฯสมช. บอกอีกว่า การที่เลือกจังหวะเวลาก่อเหตุหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ เพราะบีอาร์เอ็นไม่พึงพอใจกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ด้วย เนื่องจากเนื้อหาชัดเจนว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร ทำให้ทหารยังคงอำนาจไว้ต่อเนื่อง ทำให้ยากต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข
"เรื่องนี้เป็นผลต่อเนื่องกัน เป็นสิ่งที่ทางบีอาร์เอ็นเตรียมการไว้แล้ว เพราะการวางระเบิดแบบนี้ต้องใช้เวลาเตรียมการ เตรียมคน ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องทางการเมือง หรือกลุ่มการเมืองจะไปทำได้ เนื่องจากเพิ่งรู้ผลประชามติเพียง 2-3 วัน ถ้าไม่มีกลุ่มที่มีความพร้อมมากพอ ไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย”
เสธ.แมวบอกด้วยว่า การปฏิบัติการนอกพื้นที่ของบีอาร์เอ็น เพราะต้องการแสดงให้ฝ่ายไทยเห็นว่า พวกเขาสามารถขยายพื้นที่ปฏิบัติการนอกจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลไทยเร่งจัดการพูดคุย
“จริงๆ เขาทำหนักกว่านี้ก็ได้ ดูจากรูปแบบระเบิดและจุดที่นำระเบิดไปวาง แต่เขาทำแค่นี้ เพื่อให้ทางการไทยรู้ คล้ายๆ เป็นการส่งสัญญาณเตือน” อดีตเลขาฯสมช.ระบุ
เสธ.แมวย้ำทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สามารถไว้วางใจได้เลย และประเด็นศักยภาพของบีอาร์เอ็น ก็เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายไม่ควรละเลย!