ACT ชี้'รัฐ- ปชช.- เอกชน' สานพลังดันดัชนีต่อต้านโกงดีขึ้น-ประมนต์ ลั่นยังไม่พอต้องทำต่อ
ปธ.องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันชี้เหตุที่สถานการณ์คอร์รัปชั่นดีขึ้น เพราะรัฐจริงจังในการปราบปราม แก้กฎหมายเพิ่มอำนาจ ประสิทธิภาพ งบประมาณ และกำลังคน แต่คะแนนรวมยังอยู่ในเกณฑ์สอบตก
วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดงานแถลงข่าว "ต่อต้านคอร์รัปชัน อันดับขยับ แต่เราไม่หยุด " ณ ห้องศาลาแดง โรงแรมดุสิตธานี
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงสาเหตุที่ดัชนีสถานการณ์การคอร์รัปชันในประเทศไทยดีขึ้น เพราะมีการปราบปรามโดยแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจ ประสิทธิภาพ งบประมาณ และกำลังคน แก่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันของภาครัฐ และมีการจัดตั้งศาลคอร์รัปชันทำให้คดีความต่างๆสามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น อีกประเด็นคือมีการบังคับใช้กฎหมายมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น การลดปัญหาวินรถตู้ วินรถมอเตอร์ไซต์ การบุกรุกป่าสวงวนโดยใช้ ม .44 อันนี้เป็นการเร่งรัดของทางภาครัฐในการปราบปรามให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนด้านของการป้องกัน นายประมนต์ กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างการบริหารงานและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่อย่างโปร่งใส มีการลดขั้นตอนพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกฯ ทำให้ประชาชนทั่วไปและองค์กรธุรกิจได้รับความสะดวกมากขึ้นเพราะขั้นตอนในการขอใบอนุญาตมีขั้นตอนและเวลาที่ชัดเจนและสามารถฟ้องร้องได้ถ้าหากเราไม่ได้รับการดำเนินการแบบที่ตกลงกันไว้ รวมถึงการปลูกฝังสร้างทัศนคติ ค่านิยมที่ดีโดยบรรจุหลักสูตรโตไปไม่โกง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ ด้วยการรวมพลังร่วมมือของภาครัฐและเอกชน
“คำถามมีอยู่ว่าจากวันนี้ไปจากสถานการณ์รายงานบอกว่า ดีขึ้น ผมคิดว่า ยังไม่ดีพอ ถ้าเราไปดูจากการสำรวจภาพลักษณ์ของประเทศไทยถึงแม้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นจากหลายปีที่ผ่านมา แต่โดยคะแนนรวมแล้วเราก็ยังถือว่าสอบตก ”
ด้านดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีข้อมูลสำรวจทางวิชาการจากสถาบันต่างประเทศ สถาบันการศึกษาในประเทศไทย และสถาบันที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ ประการแรก การสำรวจขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (CPI) พบคะแนนความโปร่งใสของประเทศไทยที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 ผลการสำรวจของสถาบัน IMD สถาบัน IOD บริษัท TWC รวมทั้งผลสำรวจแบบ CSI ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผลสำรวจทั้ง 4 ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า การเรียกรับสินบนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเมื่อมาทำธุรกิจในเมืองไทยลดน้องลง และมีแนวโน้มสถานการณ์ในปีหน้าจะดีขึ้น
"รวมถึงมีผลการสำรวจอย่างต่อเนื่องจากสวนดุสิตโพลเมื่อต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา พบสิ่งที่ยังไม่หมดไปและยังไม่สามารถแก้ไขได้ในประเทศไทย คือ ปัญหาคอร์รัปชันที่ยังวิกฤตและต้องแก้ไขกันต่อไป และผลสำรวจหัวข้อ อะไรที่ประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลสามารถทำได้ ซึ่งคำตอบอันดับหนึ่งคือประชาชนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถวางพื้นฐานการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในระยะยาวได้"
ขณะที่การสำรวจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ดร.มานะ กล่าวว่า พบว่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลา 2 ปี ได้มีการออกกฎหมาย การออกกลไก มาตรการ นโยบายของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างเห็นได้ชัด สรุปคือแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น