วัดปริศนาโผล่ อ.หนองเสือ ติดป้ายหรา‘ศูนย์วิปัสสนาฯ’-พระผู้ดูแลปัดสาขาธรรมกาย
วัดปริศนา!คลอง 14 อ.หนองเสือ จ.ปทุมฯ ติดป้ายชื่อ‘ธรรมธุราราม-ศูนย์วิปัสสนานานาชาติ’ รับบริจาคซื้อที่ดินตารางวาละ 999 บาท ลงมือก่อสร้างแล้ว ขณะที่ พระผู้ประสานงานรับอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาต วางเป้าเป็นศูนย์ศึกษาไทย พม่า เวียดนาม ปัดโยงธรรมกาย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานจาก จ.ปทุมธานี ว่า บริเวณริมถนนสายทางหลวงชนบทปทุมธานีสาย 3033 แขวงทางหลวงหมายเลข 305 ในพื้นที่คลอง 14 ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี มีป้ายบริจาคซื้อที่ดินเพื่อถวายวัด ‘วัดธรรมธุราราม ศูนย์วิปัสสนา นานาชาติ’ Dhamma Dhurarama PA OH Temple in Bangkok International Meditation Center และมีการลงมือก่อสร้างอาคารส่วนหนึ่งบนพื้นที่ที่ถางแล้วบางส่วนจำนวนหลายไร่
จากการสอบถามชาวบ้านระบุว่า สถานที่ดังกล่าวกำลังก่อสร้างวัด โดยไม่ใช่คนในพื้นที่ อ.หนองเสือ เป็นผู้ดำเนินการขอสร้าง และอาจเกี่ยวโยงกับวัดชื่อดังใน จ.ปทุมธานี
ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้ได้จัดงานเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา มีชาวบ้านซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่อื่น บางรายมีสำเนียงพูดที่ไม่ใช่ภาษาไทยภาคกลางร่วมเดินทางมาร่วมทำบุญโดยเดินทางมากับรถบัสจำนวน 7 คัน ขณะที่ คนในพื้นที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ขอจัดตั้งวัดและจัดงาน
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค.2559 ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามพระสมุห์อานนท์ อินทวโส ผู้ปรากฎชื่อรับบริจาคเงินในการสร้างวัด เปิดเผยว่า เป็นผู้ประสานงาน โดยมีแผนเป็นการสร้างวัดและศูนย์วิปัสสนานานาชาติ บนพื้นที่ 23ไร่ เป็นสถานที่ศึกษาของพระภิกษุจากประเทศพม่า เวียดนาม สร้างบนที่ดินของเอกชนที่มีผู้บริจาค 8 ไร่ และวัดซื้อเพิ่มอีก 15 ไร่ ในราคาไร่ละ 450,000 บาท คาดว่าจะใช้เวลาหลายปีในการก่อสร้างเสร็จตามโครงการ
พระสมุห์อานนท์เปิดเผยว่า ในส่วนของการก่อสร้าง ขณะนี้ ได้ยื่นเอกสารขอสร้างวัดกับหน่วยงานในพื้นที่ผ่านระดับตำบลไปแล้ว อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารขออนุญาตสร้างวัดกับฝ่ายปกครองอำเภอหนองเสือ หากผ่านความเห็นชอบในชั้นอำเภอ ก็เป็นเรื่องของทางราชการที่จะต้องดำเนินการขออนุญาตจากทางจังหวัดและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตามลำดับ เป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานพระพุทธศาสนาใช่หรือไม่
พระสมุห์อานนท์ตอบว่า อีกนานหลายปี ตอนนี้อาจเป็นสำนักงานสงฆ์ไปก่อน ซึ่งการสร้างวัดมี 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนแรก การขออนุญาตสร้างวัด ขั้นตอนที่สอง การขออนุญาตตั้งวัด ตอนนี้อยู่ขั้นในตอนแรกและอยู่ในระดับอำเภอเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าใครเป็นผู้บริจาคที่ดิน พระสมุห์อานนท์ตอบว่า เจ้าของที่ดินปัจจุบันอาศัยอยู่ในเขตบางบอน กรุงเทพฯ มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดเก่า ส่วนแบบก่อสร้าง ผู้บริหารของบริษัทรับเหมารายใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ (ขอปิดบังชื่อบริษัท) เป็นผู้ออกแบบและสั่งลูกน้องเขียนแบบให้ หากสร้างเสร็จตามแบบแปลน ต้องใช้เวลาหลายปีและขึ้นอยู่กับปัจจัยด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานที่แห่งนี้เกี่ยวพันกับวัดธรรมกายหรือไม่ พระสมุห์อานนท์ กล่าวว่า ไม่มีความเกี่ยวพันกันอย่างสิ้นเชิง เป็นคนละสายกัน ที่นี่เป็นสายเถรวาท
พระสมุห์อานนท์ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ได้จัดงานและมีชาวบ้านจาก จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ได้จัดงานมาแล้วในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันพระสมุห์อานนท์ จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งใด พระสมุห์อานนท์ ตอบว่า อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจะสร้างวัด และการจัดตั้งวัดในพระพุทธศาสนาจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และมีกฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2507) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 หมวด 1 เรื่อง สร้างวัด หมวด 2 เรื่อง ตั้งวัด กำหนดรายระเบียบวิธีปฏิบัติ สรุปสาระดังนี้
หลักเกณฑ์การขออนุญาตสร้างวัด
1.จะต้องมีที่ดินที่ผู้ยกให้สร้างวัด หรือที่ดินของทางราชการที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์เพื่อ สร้างวัดเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 6 ไร่
2.ตั้งอยู่ห่างจากวัดใกล้เคียงไม่น้อยกว่า 2 กิโลเมตร
3.ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 1,000 คน
4.ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่สังกัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง
นายอำเภอนำปรึกษาเจ้าคณะอำเภอ ผู้ว่าราชการนำปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด แล้วส่งเรื่องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานให้นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว นำเสนอมหาเถรสมาคมเห็นชอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะออกหนังสือ อนุญาตให้สร้างวัด
ขณะที่ หลักเกณฑ์การขออนุญาตตั้งวัด ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตสร้างวัด จนถึง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือให้สร้างวัดให้แล้ว มีการสร้างอาคารที่พักสงฆ์ขึ้นในที่ตั้งวัดอย่างมั่นคง มีพระสงฆ์อาศัยหรือให้คำมั่นสัญญาว่า จะเข้าพักอาศัยเมื่อตั้งวัดแล้วไม่น้อยกว่า 4 รูป ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่สังกัด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ผ่านนายอำเภอท้องที่ เจ้าคณะอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดนำปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วนำเสนอมหาเถรสมาคม เมื่อมหาเถรสมาคมพิจารณาเห็นชอบ นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ลงนามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง ตั้งวัดในพระพุทธศาสนา ในราชกิจจานุเบกษา
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า ป้ายโครงการก่อสร้างเขียนเป็นภาษาไทย บางส่วนไม่ใช่ภาษาไทยปนอยู่ด้วย และแม้ว่าวัดยังไม่ได้รับอนุญาตสร้างวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่ได้ลงมือก่อสร้างอาคารแล้ว และมีป้ายชื่อ ‘วัดธรรมธุราราม’ และขอรับบริจาคซื้อที่ดิน (ดูภาพประกอบ)